TMI กดปุ่ม! โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ จ.สุพรรณบุรี กำลังผลิต 5.4 เมกะวัตต์

“TMI” ควงแขน “กรีนเอิร์ธ เอ็นเนอร์จี” กดปุ่มเปิดโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ แห่งที่ 3 ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี เพิ่มกำลังการผลิตได้ 5.4 เมกะวัตถ์ อย่างเป็นทางการ ร่วมขับเคลื่อนพลังงานสะอาดสู่สังคมไร้คาร์บอนอย่างยั่งยืนช่วยชาติ หนุนรายได้เติบโตตามเป้า


นายหลุยส์ โลเปซ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทย, พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์  ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 และนายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ บริษัท กรีนเอิร์ธ เอ็นเนอร์จี จำกัด อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี อย่างเป็นทางการ พร้อมด้วย ดร.ธนู กุลชล ประธานกรรมการบริษัท และ พลตำรวจโท อัมพร เนียมสกุล อดีตประธานกรรมการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI ร่วมเป็นเกียรติในพิธี โดยมี นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการใหญ่ TMI และ ดร.ธีรศักดิ์ ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรีนเอิร์ธ เอ็นเนอร์จี จำกัด ให้การตอนรับและเข้าร่วมพิธีเปิดโรงไฟฟ้า

ด้าน นายธีระชัย เปิดเผยว่า บริษัท กรีนเอิร์ธ เอ็นเนอร์จี จำกัด เป็นบริษัทย่อยของ TMI ผู้ประกอบธุรกิจออกแบบ ผลิต และจำหน่าย อุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง อุปกรณ์ควบคุมที่เกี่ยวข้องกับหลอดไฟและโคมไฟ และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ถือเป็นโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 ของบริษัทฯ  ซึ่งได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา และเริ่มรับรู้รายได้ทันที ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจและช่วยสนับสนุนรายได้การเติบโตของบริษัทฯ ในปี 2565 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน TMI มีโรงไฟฟ้าเปิดดำเนินการแล้ว จำนวน 3 แห่ง รวมกำลังการผลิต 5.4 เมกะวัตถ์ ประกอบด้วย 1.โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ กำลังการผลิต 1.4 เมกะวัตต์ จังหวัดชุมพร 2.โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และ 3.โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิต 3 เมกะวัตต์ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี

“TMI พร้อมมุ่งมั่นเดินบนเส้นทางธุรกิจพลังงานอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญยังเป็นแหล่งพลังงานที่สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมทั้งยังไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน นับเป็นโครงการที่ช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมและร่วมผลักดันให้ประเทศสู่สังคมไร้คาร์บอนอย่างยั่งยืน อีกทั้งมุ่งต่อยอดธุรกิจไฟฟ้าไปสู่ธุรกิจขายคาร์บอนเครดิต เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเติบโตของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต” นายธีระชัย กล่าว

ขณะเดียวกัน ดร.ธีรศักดิ์ กล่าวว่า โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพแห่งนี้ มีขนาดกำลังผลิต 3 เมกะวัตต์ บนพื้นที่ 28 ไร่ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ใช้งบลงทุนก่อสร้างประมาณ 240 ล้านบาท โดยจำหน่ายไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อายุสัญญา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาและต่อเนื่องครั้งละ 5 ปีโดยอัตโนมัติ เพื่อการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงงานหมุนเวียน โดยนำน้ำเสียจากกระบวนการผลิตของโรงงานน้ำตาลในพื้นที่ เข้าสู่ระบบก๊าซชีวภาพ หรือ Biogas ซึ่งเป็นกระบวนการหมักย่อยน้ำเสีย โดยสารอินทรีย์ในน้ำเสียจะทำให้เกิดก๊าซมีเทน เพื่อนำมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า นับเป็นการเปลี่ยนน้ำเสียมาเป็นพลังงานสะอาดใช้ผลิตไฟฟ้าแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล จึงช่วยลดค่าไฟ ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ รวมทั้งลดสภาวะโลกร้อนด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 90,000 ตัน/ปี ทั้งนี้ ยังช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนในพื้นที่ ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีพลังงานทดแทนในประเทศให้มากขึ้น

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี นับเป็นโรงไฟฟ้าอัจฉริยะแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ได้รับการออกแบบและก่อสร้างตามมาตรฐานสากล โดยใช้อุปกรณ์แบรนด์ Siemens ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับสากลจากประเทศสเปน มาใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวภาพทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่การนำวัตถุดิบเข้าสู่ระบบ กระบวนการหมัก กระบวนการฟอกก๊าซให้บริสุทธิ์ และการนำก๊าซที่ได้เข้าระบบปั่นไฟ โดยมีระบบ AI เป็นผู้ควบคุม ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 “โรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี นับเป็นโครงการโรงไฟฟ้าที่มีส่วนช่วยลดสภาวะโลกร้อน เนื่องจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงเป็นอย่างมาก โดย “กรีนเอิร์ธ เอ็นเนอร์จี” มีนโยบายและแนวปฏิบัติที่เคร่งครัดต่อการอนุรักษ์ การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามที่ตั้งไว้” ดร.ธีรศักดิ์ กล่าว

Back to top button