“กรภัทร” ชี้ ZEN-OR-ORI-SABINA ลุ้นฟื้นตัวนโยบาย “เพื่อไทย”

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (20 ก.ค. 66) ว่าสืบเนื่องจากผลการเลือกตั้งที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ไม่ได้ถูกโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีจากวานนี้ ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยอาจจะถูกเลือกให้ได้รับการจัดตั้งรัฐบาลแทน ฉะนั้น จึงมองว่ามี scenario ใหม่ที่จะเกิดขึ้นมี 2 แบบ ดังนี้ 1) หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและร่วมกับ 8 พรรคเดิม ต้องหาคะแนนเสียงจากสส.เพิ่ม หนึ่งในนั้นมองว่าคือพรรคภูมิใจไทย

แต่ถ้าหากจะรวมพรรคภูมิใจไทยและพรรคก้าวไกลเข้าด้วยกัน มีข้อกำหนดที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ ต้องไม่แตะมาตรา 112 เพื่อเป็นตัวเบิกทางในการพูดคุยและเจรจาเรื่องของเศรษฐกิจหรือเรื่องอื่น ๆ รวมถึงโอกาสแก้ไขรัฐธรรมนูญในระยะถัดไป โดยมองว่าโอกาสที่จะเกิด scenario นี้มีเพียงแค่ 10% เนื่องจากเจรจาเยอะ แต่ถ้าหากเกิดขึ้นจะส่งผลกับดัชนีให้ขึ้นไปแตะที่ระดับประมาณ 1,760 จุด นับว่าเป็น best case scenario เลยก็ว่าได้

2) พรรคเพื่อไทยขึ้นเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และพรรคก้าวไกลผันตัวไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคที่อาจร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย อาจจะเป็นพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคภูมิใจไทย หรืออื่น ๆ ซึ่งตอนนี้คะแนนเสียงอยู่ที่ประมาณ 280-300 กว่าเสียง ส่งผลให้ SET มีโอกาสไปได้เช่นกัน ดัชนีอยู่ที่ประมาณระดับ 1,620-1,680 จุด ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับรัฐสภาว่าจะมีความเสี่ยงต่ำหรือเสี่ยงสูง กล่าวคือ หากพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านและสนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้เป็นแกนนำ นับว่าเป็นความเสี่ยงต่ำหรือไม่มีความเสี่ยงเลย แต่ถ้าหากก้าวไกลไม่ได้สนับสนุนหรืองดออกเสียง อาจจะต้องดูเรื่องการประชุมในสภาประกอบ

นายกรภัทร กล่าวเพิ่มเติมในด้านกลยุทธ์ของการลงทุน มองว่าแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องของการเมือง แต่ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์จะมีการแข็งค่าขึ้นมาควบคู่ก็ตาม     ในจุดนี้สามารถบอกเป็นนัยยะได้ว่านักลงทุนต่างประเทศนั้นมองการเมืองไทยว่าใกล้จะมีบทสรุปแล้ว ส่งผลให้กระแสเงินไหลเข้ามา พร้อมทั้งมีการซื้อหุ้นไทย 4 วันติด

ด้านหุ้นที่แนะนำ ได้แก่ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR, บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI และบริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เนื่องด้วยนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะพัฒนาเศรษฐกิจก่อนอันดับแรก หุ้นที่กล่าวไปข้างต้นจึงมองว่ามีโอกาสฟื้นตัว จากก่อนหน้านี้ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องค่าแรง, ราคาอยู่ในโซนล่าง และราคาพื้นฐานพอใช้ได้

อีกทั้งแนะนำให้จับตาดูหุ้น บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM มองว่าน่าสนใจเพราะธีม AI และ High Growth เด่น