OTO ปล่อยกู้ W ร้อยล้าน นำเงินเปิดร้าน KAGONOYA เพิ่ม-ปรับปรุงสาขาเดิม
OTO อนุมัติปล่อยกู้ W จำนวน 100 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี รองรับแผนปรับปรุงสาขาเดิมและเปิดร้าน KAGONOYA ชาบูพรีเมียมสไตล์ญี่ปุ่นเพิ่มอีก 3 สาขา รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มโอกาสการเติบโต
นายคณาวุฒิ วรรทนธีรัช รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในวันที่ 21 ก.ค.66 มีมติอนุมัติการให้วงเงินกู้ยืมแก่ บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 7.92% จำนวน 100 ล้านบาท
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงร้าน KAGONOYA ชาบูพรีเมี่ยมสไตล์ญี่ปุ่น สาขาเดิม คือ สาขาเมกะบางนา และเพื่อนำไปใช้ในการลงทุนเปิดสาขาแห่งใหม่ คือ สาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต ชั้น 2 และ สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ชั้น 6 และ สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ ชั้น 3 และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ เพิ่มโอกาสเติบโต
“บริษัทฯได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การให้ความช่วยเหลือทางการเงินดังกล่าวเป็นการบริหารกระแสเงินสดของบริษัท และจะได้รับผลตอบแทนที่อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่าการลงทุนในเงินฝากกับสถาบันการเงิน” นายคณาวุฒิ กล่าว
สำหรับแหล่งเงินทุนที่นำมาให้กู้ยืมครั้งนี้ มาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ โดยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในครั้งนี้ไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท และแผนธุรกิจที่วางไว้
ทั้งนี้ ในส่วนของหลักประกัน W ได้จำนำหุ้นสามัญบริษัทย่อยทางอ้อมของ W โดยจำนำหุ้น บริษัท อีสเทิร์นควีซีน (ประเทศไทย) จำกัด (ECT) ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ประเภทร้านชาบู แบรนด์ KAGONOYA จำนวน 6,699,999 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท รวมมูลค่า 66,999,990 บาท คิดเป็น 64% ของหุ้นทั้งหมดใน ECT และหุ้นสามัญบริษัท เครปส์ แอนด์ โค. ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด (C&C) ประกอบธุรกิจร้านอาหารสไตล์ยุโรป Crepes & Co. และ Le Boeuf จำนวน 81,633 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท รวมมูลค่า 8,163,300 บาท คิดเป็น 100% ของหุ้นทั้งหมดใน C&C ตามขั้นตอนที่กำหนดในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โดย ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 W ได้จัดให้มีการประเมินมูลค่ากิจการของ ECT ของปี 2566 โดยวิธีมูลค่าจากรายได้ (DCF) และคิดลดกลับเป็นมูลค่าปัจจุบัน ซึ่งมี WACC (Weighted-Average Cost of Capital) อยู่ที่ 9.24 % เป็นมูลค่าของกิจการที่ 305.95 ล้านบาท (จำนวนหุ้นจดทะเบียน 7,400,000 หุ้น) คิดเป็นราคาประเมิน มูลค่าหุ้นละ 41.35 บาท