I2 ขายไอพีโอ 2.70 บาท เปิดจองซื้อ 25-27 ก.ค. เทรดตลาดเอ็ม เอ ไอ 8 ส.ค.นี้
I2 เคาะราคาขายไอพีโอ 2.70 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 25-27 ก.ค.66 เข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ mai กลุ่มเทคโนโลยี วันที่ 8 ส.ค.นี้ ย้ำมี Backlog แน่นกว่า 961.25 ล้านบาท ดันผลงานในช่วง 1-3 ปี ข้างหน้าโตแกร่ง ทยอยรับรู้รายได้ยาวถึงปี 68 ด้านลีดอันเดอร์ไรท์
นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ I2 เปิดเผยว่าได้กำหนดราคาขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 2.70 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานโดยจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 25-27 กรกฎาคม 2566 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ในกลุ่มอุตสาหกรรม เทคโนโลยี (TECH) จำนวนหุ้นที่เสนอจำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ มีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด
“การกำหนดราคาไอพีโอที่ระดับ 2.70 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ประมาณ 20.11 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ถือเป็นราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่ง I2 ถือเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการ SI ครบวงจร ภายใต้ทีมบริหารที่มีประสบการณ์ด้านไอทีมายาวนาน รวมถึงมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากธุรกิจอยู่ในเมกะเทรนด์ สอดคล้องนโยบายภาครัฐ และเอกชนที่มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจ มุ่งสู่ Digital Transformation” นายพายุพัด กล่าว
นางสาวมนวลัย รัชตกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า I2 นับเป็นผู้นำธุรกิจ SI แบบครบวงจร ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แทบจะเรียกได้ว่า ไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยกับสถาบันการเงิน โดยหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ทางการค้า เงินที่ระดมทุนส่วนใหญ่นำไปใช้สำหรับรองรับแผนขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน จึงมั่นใจว่า I2 จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม
ในด้านผลประกอบการที่ผ่านมาสามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น คืองวดสิ้นปี 2565 มีรายได้รวม 943.38 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 44.98 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1/2566 มีรายได้รวม 300.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138.39% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 126.18 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 17.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202.48% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 5.63 ล้านบาท
นายอธิพร ลิ่มเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ I2 กล่าวว่า วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทเตรียมนำเงินไปลงทุนในงานบริการโครงการขนาดใหญ่แก่ลูกค้า นำไปใช้ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้าง New S Curve รองรับแผนการเติบโตในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า รวมถึงเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
“เมื่อบริษัทได้รับเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ จะทำให้ฐานทุนและฐานะทางการเงินแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจให้โดดเด่นยิ่งกว่าที่ผ่านมา โดยสิ้นไตรมาส 1/2566 บริษัทฯมีมูลค่างานในมือ (Backlog) แล้ว 961.25 ล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2568 หลังจากนี้เตรียมบุกขยายงานใหม่เต็มที่ เพื่อคว้างานใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลงานและผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างแน่นอน” นายอธิพร กล่าว
พร้อมกันนี้ในวันแรกที่หุ้น I2 เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่จะดำเนินการขายหุ้นที่ถืออยู่จำนวน 18 ล้านหุ้น บนกระดานซื้อขายรายใหญ่ (Big lot) ในราคาไอพีโอ ให้แก่บริษัท ซินเนอร์ยี่ กรุ๊ป เวนเจอร์ส จำกัด (SGV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) (MFEC) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากกลุ่ม MFEC มีความประสงค์ที่จะคงสัดส่วนการถือหุ้นใน I2 ที่ระดับ 15% ต่อไปในฐานะ Strategic Partner เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตร่วมกันในอนาคต ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดได้เปิดเผยอย่างโปร่งใสไว้ในไฟลิ่งอยู่แล้ว
“เรื่องการขายบิ๊กล็อต 4.29% ให้แก่กลุ่ม MFEC ในวันแรกของการเข้าซื้อขายในตลาด mai ได้เปิดเผยข้อมูลไว้ในไฟลิ่งที่นำเสนอต่อสำนักงาน ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ให้ทราบอยู่แล้ว และต้องการให้นักลงทุนรับรู้ข้อมูลโดยทั่วกันด้วย โดยทาง I2 เชื่อมั่นว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวจะส่งผลเชิงบวกต่อการดำเนินธุรกิจและแผนการเติบโตของบริษัทในอนาคต และการได้จับมือเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับ MFEC สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อศักยภาพการทำธุรกิจและการเติบโตในอนาคตที่จะขยายตัวได้อย่างโดดเด่น ทั้งนี้ขอยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อนโยบายการดำเนินงาน และโครงสร้างการบริหารของบริษัทฯ แต่อย่างใด” นายอธิพร กล่าวในที่สุด