โบรกเชียร์ “ซื้อ” 4 แบงก์ใหญ่ ชู KTB ท็อปพิกรับ “ดอกเบี้ย” ขาขึ้น เป้าสูง 24.50 บาท

โบรกยังเชียร์ “ซื้อ” 4 แบงก์ใหญ่ ชู KTB ท็อปพิกรับ “ดอกเบี้ย” ขาขึ้น เป้าสูง 24.50 บาท ส่วน KBANK แนะนำซื้อเเป้า 165 บาท ส่วน KKP ราคาเป้า 91 บาท และ SCB ราคาเป้า 134 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินเกี่ยวกับหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เริ่มจาก ธนาคารกสิกรไทย (จำกัด) มหาชน หรือ KBANK รายงานผลการดำเนินงานออกมาตามคาดการณ์ โดยการประชุมนักวิเคราะห์กับทาง KBANK  ฝ่ายผู้บริหารระบุว่า แรงกดดันในคุณภาพสินทรัพย์ยังไม่หมดไป และ credit cost หรือ ต้นทุนความเสี่ยงของสินเชื่อที่ไม่ได้รับการชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ยจะกลับมาอยู่ระดับปกติที่ 140-160bps ในปี 68 การเติบโตของรายได้มาจาก NIM ที่ขยายตัว ส่วนการเติบโตของสินเชื่อคงที่ โดยแนะนำให้นักลงทุนรอดูพัฒนาการของคุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK ในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 165 บาท จากมูลค่าที่น่าลงทุนในกลุ่มหุ้นที่ยังแลกการ์ด

ขณะที่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ผลการดำเนินงานถูกกดดันโดยการตั้งสำรองที่สูง และขาดทุนจากการขายรถ อย่างไรก็ตาม รายได้ยังแข็งแกร่งจาก NIM และสินเชื่อ ในขณะที่ non-interest income เพิ่มขึ้นจากเครื่องมือทางการเงิน แม้รายได้จากโบรกจะลดลง

โดยกำไรอยู่ในระดับเดียวกับที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้ แต่ต่ำกว่าคอนเซ็นซัสอยู่มาก ซึ่งความเสี่ยงต่อคุณภาพสินเชื่อจะยังคงมีอยู่ไปอีกในระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเห็นการเติบโตที่ดีในช่วงปี 67 จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 91 บาท

ส่วน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB รายงานกำไรสุทธิออกมาตามเป้าหมาย ผลักดันโดย NIM ที่สูงขึ้นจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ส่วนการเติบโตสินเชื่อคงที่ ด้านรายได้ที่ไม่ใช่สินเชื่อลดลงท่ามกลางตลาดทุนที่อ่อนตัว ขณะที่ Cost-to-income ratio ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 40% โดยงบการลงทุนที่ควรเน้นคือ IT สำหรับการพัฒนาธุรกิจในอนาคต

ทั้งนี้ KTB มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี ฝ่ายวิจัยจึงยกให้ KTB เป็นหนึ่งในหุ้นท็อปพิกของกลุ่มที่ได้ผลบวกจากดอกเบี้ยขาขึ้น และคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท

ขณะที่ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ที่แม้ผลประกอบการจะออกมาตามที่คาดไว้ แต่ภาพรวมรายได้ในไตรมาสที่ผ่านมายังมีผสม ๆ กันอยู่ โดยมีรายได้โตแกร่ง แต่ก็ยังมีแรงกดดันจากต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) ตั้งสำรองที่สูงขึ้น ด้านบริษัทย่อย CardX ยังเติบโตดี แม้จะมี one-time credit cost

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าการเติบโตของสินเชื่ออาจชะลอตัวในปีนี้ ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 134 บาท อีกทั้งมองว่า SCB เป็นหุ้นที่น่าจับตามองในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

Back to top button