น้ำมัน “WTI-BRENT” ปิดพุ่ง 2% รับอุปทานตึงตัว-จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนดีมานด์
น้ำมัน WTI ปิดที่ 78.74 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ปิดที่ 82.74 ดอลลาร์/บาร์เรล รับอุปทานตึงตัวในตลาดโลก อีกทั้งจีนกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยหนุนดีมานด์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันจันทร์ (24 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวในตลาดโลก รวมทั้งความหวังที่ว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 78.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือนหรือนับตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. 2566
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 82.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 2566
สำหรับสัญญาน้ำมันได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวในตลาดโลก หลังจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศปรับลดอุปทานน้ำมันในตลาด โดยซาอุดีอาระเบียขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันออกไปจนถึงสิ้นเดือนส.ค. ขณะที่รัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ โจเซฟ แมคโมนิเกิล เลขาธิการการประชุมพลังงานสากล (IEF) กล่าวว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอุปสงค์จากจีนและอินเดีย ในขณะที่อุปทานน้ำมันอาจจะมีไม่มากพอรองรับอุปสงค์
อีกทั้งตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะช่วยให้ความต้องการใช้น้ำมันในจีนฟื้นตัวขึ้นด้วย โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ (24 ก.ค.) คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ประกาศมาตรการต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม, ยกระดับ และกระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาคเอกชน พร้อมยืนยันว่า NDRC จะเพิ่มการสนับสนุนด้านการเงินแก่โครงการต่าง ๆ ของภาคเอกชนด้วย
ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพุธนี้ เวลา 21:30 น.ตามเวลาไทย