เปิด 19 หุ้น “บลูชิพ” ลุ้นเด้งแรง! รับการเมืองชัด อัพไซด์สูง
“บล.เอเซีย พลัส” เปิด 19 รายชื่อหุ้น “บลูชิพ” ลุ้นเด้งแรง รับการเมืองชัด อัพไซด์สูง หลังราคาลงลึก JMT,EA,BANPU,SCGP,GPSC,CBG นำทีมเด่น
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมกลยุทธ์การลงทุนและปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้มานำเสนอ โดยอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ประกาศออกมาช่วงวันหยุดบ้านเรา เป็นไปในโทนบวก โดย GDP งวดไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 2.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนสูงกว่าคาด
ขณะที่ตัวเลข Initial Jobless Claim ออกมาต่ำกว่าที่คาด ตัวเลขดังกล่าวทำให้ความกังวลเรื่องถดถอยลดลง ในอีกทางหนึ่งพบว่าสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้นน่าจะใกล้จบลง ทั้งในส่วนของเฟด และ ECB ภายใต้สถานการณ์แวดล้อมทำให้ทิศทางของฟันด์โฟลว์น่าจะไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
สำหรับในประเทศประเด็นหลักสัปดาห์นี้น่าจะเป็นพัฒนาการของข่าวการเมือง เนื่องจากจะมีการนัดประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันศุกร์ที่ 4 ส.ค.66 แต่ก่อนหน้านั้นจะมีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องกรณีข้อบังคับการประชุมที่ 41 ของรัฐสภาไว้พิจารณาหรือไม่ และยังมีการหารือระหว่าง 8 พรรค MOU ที่ต้องติดตามใกล้ชิดโดยประเมินว่า SET Index น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,530-1,550 จุด เพื่อรอดูสถานการณ์การเมือง
อย่างไรก็ดีสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทย โมเมนตัม ดูดีและเอนเอียงไปที่หุ้นใหญ่มากขึ้น โดยเห็นได้จากหุ้นใหญ่ Outperform กว่าหุ้นเล็ก ซึ่งปกติก่อนหยุดยาว มูลค่าซื้อขายในตลาดหุ้นไทยจะแห้งๆ แต่ในวันพฤหัสฯที่ผ่านมากลับคึกคัก และผลักดันให้ SET Index ขยับขึ้น 18.66 จุด หรือ 1.23% มาอยู่ที่ 1,543 จุด
โดยแรงหนุนส่วนหนึ่งเกิดจากใกล้เข้าสู่การเลือกนายกฯครั้งที่ 3 ในวันที่ 4 ส.ค. 66 หาก ศาล รธน. พิจารณา ไม่รับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน อีกทั้งยังเห็นแนวโน้มที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลมากขึ้น ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า SET Index ยังมีโมเมนตัมที่จะขยับขึ้นต่อได้ (ดังตารางประกอบ) โดยน้ำหนักเอนเอียงมาที่หุ้นใหญ่มากขึ้นจาก 3 ปัจจัยดังนี้
1.มูลค่าซื้อขายตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัสฯที่ผ่านมา กลับมาคึกคักถึง 6.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในอดีตเวลามูลค่าซื้อขายสูงขึ้นเกินกว่า 5 หมื่นล้านบาท SET Index มีโอกาสขยับขึ้นได้เฉลี่ย 0.03% ต่อวัน หรือ 8% ต่อปี
2.ในอดีต ตลาดหุ้นไทยมักจะตอบสนองเชิงบวกเวลาที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล สะท้อนจากสถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2544–2554 หลังเลือกตั้ง 1 สัปดาห์พรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกฯ หุ้นขยับขึ้นได้ดีเฉลี่ยเกิน 4%
3.ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองไทยเริ่มเข้าใกล้จุดยุติ หนุนให้นักลงทุนเอนเอียงน้ำหนักมาที่หุ้นขนาดใหญ่มากขึ้น สะท้อนได้จาก SET50 Index Outperform สุด +2.01% ชนะ SET Index +1.45% และชนะ sSET Index +0.59%(ดังตารางประกอบ)
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัยฯ แนะนำหุ้นน่าสะสม คือ หุ้นใหญ่มีโมเมนตัมขยับขึ้น แต่ผลตอบแทนยังติดลบในปีนี้ได้ผลลัพธ์ดังตารางประกอบ และจากรายชื่อหุ้นดังกล่าวฝ่ายวิจัยเลือกเป็น Top pick คือ CRC,SCGP และ JMT