“ก.ล.ต.” เตือนนลท.เกาะติดข่าวสาร ลดเลี่ยงลงทุน
“ก.ล.ต.” เตือนผู้ลงทุนหุ้น-หุ้นกู้-กองทุนรวมใส่ใจ-เกาะติดข้อมูลใกล้ชิด เพื่อไม่ให้พลาดประเด็นสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของตนเอง
ฝ่ายสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า ปัจจุบันการลงทุนในตราสารทางการเงินมีทางเลือกที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละประเภทจะมีรูปแบบของผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ผู้ลงทุนต้องใส่ใจและให้ความสำคัญอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตราสารประเภทใด นั่นคือ การติดตามข้อมูลข่าวสารรวมถึงความคืบหน้าการดำเนินการของผู้ออกตราสารนั้นใกล้ชิด มาทบทวนเช็กลิสต์กันสักนิดไหมว่า หลังจากลงทุนกันไปแล้วควรติดตามอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้พลาดประเด็นสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของตนเอง
1.การลงทุนในหุ้น ตราสารที่ออกโดยบริษัทที่ต้องการระดมทุน ผู้ลงทุนจะถือเป็น “เจ้าของกิจการ” ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผู้ลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด
– เมื่อบริษัทไม่ส่งงบการเงินตามกำหนด ทำให้ผู้ลงทุนไม่สามารถมีข้อมูลผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทไปประกอบการตัดสินใจลงทุนได้
– เมื่อเกิดปัญหาบางประการเกี่ยวกับงบการเงิน จนส่งผลสู่การถูกสั่งทำ “การตรวจสอบแบบพิเศษ” (Special Audit) เพื่อหาข้อเท็จจริงกับประเด็นที่เกิดขึ้น
– เมื่อสถานประกอบการของบริษัทอยู่ในพื้นที่ที่เกิดวิกฤต ด้านการเมือง หรืออื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้การดำเนินการของบริษัทขัดข้องและส่งผลต่อราคาหุ้นได้
ผู้ถือหุ้นควร…
– เตรียมรับมือกับผลกระทบจากเหตุการณ์ เช่น อาจขาดทุนจากราคาหุ้นที่ตก หรือได้รับเงินปันผลน้อยลงจากปัจจัยลบที่มากระทบ
– หมั่นติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางที่เป็นทางการ รวมถึงการขึ้นเครื่องหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
– เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อร่วมซักถามในประเด็นต่าง ๆ ตามที่มีข้อสงสัย
2.การลงทุนในหุ้นกู้ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทที่ต้องการระดมทุน ผู้ลงทุนจะถือเป็น “เจ้าหนี้” รวมถึงหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการเสนอขายผ่าน Funding portal โดยผู้ระดมทุนส่วนใหญ่ ผ่านช่องทางนี้จะเป็นกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผู้ถือหุ้นกู้ควรติดตามอย่างใกล้ชิด
– เมื่อหุ้นกู้ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
– เมื่อผู้ออกหุ้นกู้มีผลการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ (มีโอกาสที่จะจ่ายดอกเบี้ยไม่ครบจำนวนหรือมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้)
ผู้ถือหุ้นกู้ควร…
-หมั่นตรวจสอบว่าตนเองถือหุ้นกู้ชนิดใด และได้รับผลกระทบจากการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหรือไม่ ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นกู้อาจไม่สามารถขายหุ้นกู้ได้ในทันที รวมถึงอาจไม่สามารถขายหุ้นกู้ได้ในราคาที่พึงพอใจ เนื่องจากขาดสภาพคล่องในการซื้อขาย
-ติดตามข่าวสารในกรณีที่มีข้อสงสัยว่ามีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ทั้งนี้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ไม่ได้ให้อำนาจกับสำนักงาน ก.ล.ต. ในการสั่งการให้บริษัทคืนเงิน
-ติดตามแผนการแก้ไขเหตุผิดนัดจากผู้ออกหุ้นกู้หรือผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เมื่อเกิดเหตุผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงศึกษารายละเอียดก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการประชุมเพื่อขอเลื่อนการชำระหนี้ หรือขอผ่อนผันการชำระ
– ประสานผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ซึ่งจะเป็นบุคคลช่วยติดตามการชำระหนี้ รวมถึงดำเนินการตามกฎหมายในการบังคับหลักประกันและการฟ้องร้องดำเนินคดี กรณีที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้มีมติให้ชำระคืนหุ้นกู้โดยพลัน (call default)
3.การลงทุนในกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) จะนำเงินไปลงทุนในทรัพย์สินต่าง ๆ ตามนโยบายการลงทุนที่ระบุในโครงการจัดการกองทุนรวมตามสัดส่วน เช่น หุ้น หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและบริหารเงินลงทุนให้เกิดผลตอบแทนจากการลงทุนมาสู่ผู้ถือหน่วยลงทุน
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด
-เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในราคาสินทรัพย์ที่กองทุนนำเงินไปลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
-เมื่อเกิดความผิดปกติกับผู้ออกตราสารหรือตลาดตราสารที่กองทุนรวมลงทุน
ผู้ถือหน่วยลงทุนควร…
-เตรียมรับมือกับความผันผวนของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนรวมที่ถือ
-ศึกษาและทำความเข้าใจกับข้อจำกัดจากการใช้ Liquidity Management Tools (LMTs) โดยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มส่งผ่านต้นทุนการซื้อขายสินทรัพย์ของกองทุนและกลุ่มที่เป็นข้อจำกัดต่อการไถ่ถอนหน่วยลงทุนทั้งนี้ บลจ. จะพิจารณาความเหมาะสมในการใช้ LMTs เพื่อรักษาประโยชน์ของผู้ลงทุนโดยรวมและใช้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น เช่น เกิดความผันผวนของตลาดสินทรัพย์ที่ลงทุน เกิดต้นทุนที่มีนัยสำคัญต่อการซื้อขายสินทรัพย์ของกองทุน หรือเกิดความผิดปกติกับผู้ออกตราสารและกรณีอื่น ๆ ที่จำเป็น เป็นต้น
ด้วยเหตุที่การลงทุนมักมาคู่กับความเสี่ยงเสมอ ผู้ลงทุนควรฝึกฝนให้ตนเองหูตากว้างไกล หมั่นอ่านข่าวสารจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ รู้จักเฉลียวใจสอบถามข้อมูลที่ควรได้รับเพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกลงทุนได้อย่างเหมาะสม และใช้สิทธิของตนเองเพื่อช่วยลดการสูญเสีย ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนได้ที่ www.sec.or.th เฟซบุ๊กเพจ “สำนักงาน กลต.” หรือ ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทร. 1207