“ดาวโจนส์” ปิดลบ 150 จุด หลังตัวเลขจ้างงาน “สหรัฐ” ต่ำคาด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 150.27 จุด หลังสหรัฐฯ เผยตัวเลขจ้างงานต่ำคาด-หุ้นแอปเปิ้ลร่วง เซ่นยอดขายหดตัว 3 ไตรมาสติด


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (4 ส.ค.) หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงแรกหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานต่ำกว่าคาด แต่ตลาดถูกถ่วงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน อาทิ หุ้นแอปเปิ้ลร่วงลงกว่า 4% หลังรายงานยอดขายรายไตรมาสลดลง

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,065.62 จุด ลดลง 150.27 จุด หรือ -0.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,478.03 จุด ลดลง 23.86 จุด หรือ -0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,909.24 จุด ลดลง 50.48 จุด หรือ -0.36%

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันศุกร์เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน

โดยรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.1%, ดัชนี S&P500 ลดลง 2.3% และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.8% โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ปิดลบในสัปดาห์นี้หลังปรับตัวขึ้น 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลงในสัปดาห์นี้มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรหลังการปรับตัวขึ้นนาน 5 เดือน ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจ, ผลประกอบการที่น่าผิดหวัง และการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกดดันตลาด

ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าของวันศุกร์ ขานรับตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.2% และเมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลง หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงาน ซึ่งได้ช่วยหนุนหุ้นขนาดใหญ่บางตัว แต่หุ้นแอปเปิ้ลร่วง 4.8% หลังรายงานยอดขายลดลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน และคาดว่ายอดขายจะลดลงอีก โดยราคาหุ้นแอปเปิ้ลร่วงลงวันเดียวมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2565 ซึ่งฉุดดัชนี S&P500 ลงราว 16 จุด

ส่วนหุ้นอะเมซอน.คอม พุ่งขึ้น 8.3% สวนทางตลาด หลังรายงานผลกำไรสูงกว่าคาด และหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ อาทิ ไมโครซอฟท์และสโนว์เฟลก ปรับตัวขึ้น 0.3% และ 3.5% ตามลำดับ หลังธุรกิจคลาวด์ของอะเมซอนทำยอดขายได้สูงกว่าคาด

ข้อมูลจากรีฟินิทิฟ (Refinitiv) ระบุว่า ณ วันศุกร์ (4 ส.ค.) บริษัท 422 แห่งในดัชนี S&P500 รายงานผลประกอบการรายไตรมาสออกมาแล้ว โดย 79.1% รายงานผลประกอบการที่สูงเกินคาด

ด้านนักลงทุนจะจับตาข้อมูลเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า โดยจะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพฤหัสบดีที่ 10 ส.ค.

Back to top button