GLORY เจอพิษหุ้นกู้ STARK ทำงบ Q2 ขาดทุนอ่วม 25 ล้านบาท
GLORY เปิดงบไตรมาส 2/66 ขาดทุนอ่วม 25 ล้านบาท เจอพิษขาดทุนทางบัญชีลงทุนหุ้นกู้ STARK จำนวน 16 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกของปีขาดทุนสุทธิ 24.68 ล้านบาท
บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) หรือ GLORY รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 และงวด 6 เดือนแรกของปี มีดังนี้
สำหรับ GLORY รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2566 พลิกขาดทุนสุทธิ 24.81 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4.05 ล้านบาท สาเหตุจากรายได้จากการขายและให้บริการ 20,976 ล้านบาท ลดลง 5.60% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 22,221 ล้านบาท
รวมถึงต้นทุนขายและบริการเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ทางการเงิน และส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม นอกจากนี้มีสาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลขาดทุนทางบัญชีของหุ้นกู้ Stark ที่กลุ่มบริษัทได้ลงทุนไว้จำนวน 16 ล้านบาท
ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทพลิกขาดทุนสุทธิ 24.68 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7.57 ล้านบาท โดยสาเหตุจากค่าใช้จ่ายในการบริหารของกลุ่มบริษัทมีจำนวน 31.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 18.90 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลขาดทุนทางบัญชีของหุ้นกู้ Stark ที่กลุ่มบริษัทได้ลงทุนไว้จำนวน 16 ล้านบาท
ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวกลุ่มบริษัทมีกระแสเงินสดคงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก จึงดำเนินการบริหารสินทรัพย์โดยหมุนเวียนเงินสดไปลงทุนกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่นกองทุนและหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากปกติและในช่วงเวลาดังกล่าวกลุ่มบริษัทมีการบริหารการลงทุนในหลายสินทรัพย์ด้วยกัน ซึ่ง หุ้นกู้ Stark เป็นตัวเลือกหนึ่งในการจัดการบริหารสินทรัพย์ ในช่วงเวลาดังกล่าว
ขณะที่ทำการลงทุนหุ้นกู้ Stark จัดเป็นสินทรัพย์ที่มีผลการประเมิน Company Rating อยู่ที่ BBB+ ซึ่งเป็น Investment Grade และประกอบกับคำแนะนำการลงทุนจากที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ดูแลด้านการลงทุนบริหารสินทรัพย์ให้กับกลุ่มบริษัทกลุ่มบริษัทจึงตัดสินใจลงทุนในหุ้นดังกล่าว
อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับหุ้นกู้ Stark ขึ้นกลุ่มบริษัทได้ดำเนินการทยอยขายหุ้นกู้ตัวอื่นๆ ออก ตามมติของกลุ่มบริษัท เนื่องจากเจตนาหลักของกลุ่มบริษัทในการลงทุนในกองทุนและหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำไม่ได้ต้องการผลกำไรจากการลงทุนส่วนนี้เป็นหลักแต่เป็นการบริหารจัดการสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากปกติและกลุ่มบริษัทยังคงนโยบายการลงทุนกับการประกอบธุรกิจหลักของบริษัทเป็นนโยบายหลัก
นอกจากนี้มีการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายอาทิเช่น ค่าใช้จ่ายในการบริหารของบริษัทย่อย และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานและค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตนจากจำนวนลิขสิทธิ์ที่กลุ่มบริษัทถือครองมากขึ้น