SMT แย้มยอดขายไตรมาส 3 โตรับ “ไฮซีซัน” หนุนรายได้ปีนี้ 3.3 พันล้าน
SMT ส่งซิกยอดขายจากสินค้าใหม่ EV Charger- Audio Backplate ในไตรมาส 3 เติบโตรับ “ไฮซีซัน” หนุนรายได้ปีนี้แตะ 3.3 พันล้าน เดินหน้าขยายฐานลูกค้า พัฒนาสินค้าใหม่ต่อเนื่อง
นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) หรือ SMT เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 2/66 มีกำไรสุทธิ 84.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.74% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 71.37 ล้านบาท มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 706.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.34%
โดยรายได้จากกลุ่มสินค้าอุปกรณ์สำหรับการสื่อสารผ่านเส้นใยแก้วนำแสง (Optical) เพิ่มขึ้น 69.98% เป็นผลจากกลุ่มสินค้าดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงและมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นในตลาดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผู้ผลิตสินค้าประเภทนี้มีค่อนข้างน้อยในตลาด เนื่องจากต้องใช้ทักษะและความรู้ความสามารถที่เฉพาะเจาะจงและเงินลงทุนในจำนวนที่สูง
อย่างไรก็ดี บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงพอร์ตโฟลิโอ โดยการผลิตและจำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท เพื่อลดการพึ่งพิงสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่ง รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าไปยังหลากหลายพื้นที่ และมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพทางด้านการผลิต ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า
“ผลประกอบการออกมาสะท้อนแผนธุรกิจ และกลยุทธ์การหาลูกค้าที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ เป็นกำไรจากการดำเนินงานล้วนๆ โดยไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 157.68 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.32% จากรายได้จากการขายและบริการ โดยกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 2.93% เป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น การดำเนินกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่ต้องใช้ความแม่นยำที่มีคุณภาพและความเชี่ยวชาญในการผลิตที่ให้กำไรสูงขึ้น ควบคู่กับกลยุทธ์การลดต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ และคัดเลือกลูกค้าและสินค้าที่มีศักยภาพในการทำกำไรสูง” นายวิรัตน์ กล่าว
นายวิรัตน์ กล่าวเสริมว่า ขณะที่แนวโน้มผลงานในช่วงไตรมาส 3/66 คาดยอดขายจะปรับเพิ่มขึ้นกว่าไตรมาสก่อน จากผลของฤดูกาลและการขึ้นยอดขายของสินค้าใหม่ เช่น EV Charger Controller และสินค้ากลุ่ม Audio Backplate หนุนการเติบโต โดยบริษัทเน้นกลยุทธ์การบริหาร Supply Chain ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขยายฐานลูกค้าเพิ่ม รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในตลาดอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับเป้าหมายยอดขายปีนี้เชื่อว่ายังเติบโตได้บนตัวเลข 2 หลัก แม้จะมีการปรับเป้าหมายรายได้จากเดิม 4,000 ล้านบาท เป็นราว 3,300 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยธุรกิจ OSAT ซึ่งเป็นสินค้าประเภท IC Packaging มีคำสั่งซื้อชะลอตัว ส่วนธุรกิจ Optics อุปกรณ์การสื่อสารผ่านเส้นใยแก้วนำแสง ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง ยังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นสามารถปรับเพิ่มขึ้นไตรมาสก่อน จากสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น