SPRC เจอสต๊อกลอส ฉุดงบ Q2 พลิกขาดทุน 2.1 พันล้าน
SPRC เปิดงบไตรมาส 2/66 พลิกขาดทุน 2.1 พันล้านบาท จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7.2 พันล้านบาท เซ่นขาดทุนสต๊อกน้ำมัน รวมถึงส่วนต่างราคาน้ำมันลดลง ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกของปีพลิกขาดทุน 885 ล้าน
บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 และงวด 6 เดือนแรกของปี ขาดทุนสุทธิ ดังนี้
สำหรับ SPRC รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 ขาดทุนสุทธิ 2,104.52 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7,156.09 ล้านบาท สาเหตุจากรายได้รวมอยู่ที่ 53,883 ล้านบาท ลดลง 44.47% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 78,008 ล้านบาท
อีกทั้งขาดทุนจากสต็อกน้ำมันค่าการกลั่นอยู่ที่ 1.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีค่าการกลั่นตลาดอยู่ที่ 18.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปต่อน้ำมันดิบลดลงซึ่งได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปที่อ่อนแอ อันเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่ว โลกและความไม่แน่นอนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปริมาณการส่งออกจากจีนและรัสเซีย
โดยในไตรมาสที่ 2/66 ค่าการกลั่นตลาดอยู่ที่ 1.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 6.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็นผลมาจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปต่อน้ำมันดิบที่อ่อนลง โดยได้รับแรงกดดันจากความต้องการผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ลดลง สำหรับปริมาณการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 159 พันบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 91 ของกำลังการกลั่นทั้งหมด ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 162 พันบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 93 ของกำลังการกลั่นทั้งหมด
นอกจากนี้บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 4 ล้านเหรียญสหรัฐจากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสนี้หักลบบางส่วนจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงในไตรมาสนี้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 885.60 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 12,440.46 ล้านบาท สาเหตุจากขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันค่าการกลั่นตลาดลดลงจาก 13.82 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รวมถึงส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปหลักต่อน้ำมันดิบที่ลดลงจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในขณะที่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
ด้าน มร. โรเบิร์ต โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการของ SPRC กล่าวว่า ราคาน้ำมันในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากหลายปัจจัย อาทิ ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และระดับการส่งออกจากจีนและรัสเซียที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้แม้ว่าราคาน้ำมันจะได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจของซาอุดิอาระเบียในการลดกำลังการผลิตลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม รวมถึงเป็นช่วงเวลาของการซ่อมบำรุงโรงกลั่น และความต้องการของน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่เพิ่มขึ้นในช่วงการเดินทางหน้าร้อนนี้ ล้วนส่งผลให้ราคาน้ำมันมีความผันผวน
“ขณะที่ SPRC ยังสามารถรักษาระดับอัตราการผลิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ และยังคงไว้ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อค่าการกลั่นที่ดีจากโครงการปรับปรุงผลกำไร (BLIP) ยิ่งไปกว่านั้น SPRC ยังคงมุ่งหน้าศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในธุรกิจคาร์บอนต่ำ พร้อมกันกับประเมินโอกาสทางธุรกิจอื่น ๆ ตลอดห่วงโซ่มูลค่าเพื่อสร้างมูลค่าแก่ผู้ถือหุ้นในระหว่างช่วงเวลาของการซ่อมบำรุงใหญ่ในปี 2568 อีกทั้งมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและความยั่งยืนอย่างแท้จริง” มร. โรเบิร์ต กล่าว