PTTEP มั่นใจครึ่งปีหลัง ยอดขายปิโตรเลียม 4.8 แสนบาร์เรลต่อวัน
ปตท.สผ.ปรับเพิ่มยอดขายปิโตรเลียมครึ่งปีหลังเป็น 4.7-4.8 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ความคืบหน้าการผลิตก๊าซฯ ในโครงการ G1/61 ปัจจุบันโครงการ G1/61 มีกำลังการผลิตก๊าซเพิ่มขึ้นตามแผนอยู่ที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือน เม.ย. 2567
นางอรชร อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 8 สิงหาคม 2566 ว่าแนวโน้มไตรมาส 3/2566 คาดจะมีปริมาณการขายเฉลี่ยดีขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของโครงการในไทยและต่างประเทศ โดยจะสามารถบริหารโครงการที่อยู่ในมือให้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
โดยคาดว่าไตรมาส 3/2566 ปริมาณการขายประมาณ 470,000 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ทั้งปีอยู่ที่ 464,000 บาร์เรลซึ่งบริษัทคาดว่าราคาขายก๊าซธรรมชาติ อยู่ที่ประมาณ 5.8 ดอลลาร์/MMBTU โดยทั้งปีจะคงที่อยู่ได้ 6 ดอลลาร์/MMBTU
สำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 และทั้งปี 2566 ปตท.สผ. คาดว่าจะสามารถรักษาต้นทุนต่อหน่วยได้ที่ประมาณ 27 – 28 ดอลลาร์ สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลงจากต้นทุนต่อหน่วยของปี 2565 โดยหลักจากรายจ่ายค่าภาคหลวงต่อหน่วยที่ลดลงจากสัดส่วนปริมาณขายของโครงการภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิตที่มากขึ้น รวมถึงราคาขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ปรับตัวลง และค่าเสื่อมราคาต่อหน่วยที่ลดลง
ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังคาดการณ์ปริมาณขายปิโตรเลียม จะมีการเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก อยู่ที่ 470,000 – 480,000 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยหลักแล้วมาจากโครงการ G1/61 เพิ่มกำลังการผลิตไป ตั้งแต่ปลายมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งภายในครึ่งปีหลังจะได้ในสัดส่วนนี้ และเร่งกำไรการผลิตจากโครงการครึ่งปีหลังปริมาณการขายเพิ่มขึ้น
สำหรับความคืบหน้าการผลิตก๊าซฯ ในโครงการ G1/61 ปัจจุบันโครงการ G1/61 มีกำลังการผลิตก๊าซเพิ่มขึ้นตามแผนอยู่ที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือน เม.ย. 2567 ขณะที่โครงการ G2/61 (บงกช) มีปริมาณการผลิตก๊าซฯ อยู่ที่ 840 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และโครงการอาทิตย์ อยู่ที่ 340 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งกำลังการผลิตของทั้ง 3 โครงการรวมอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ช่วยลดการนำเข้า LNG ตลาดโลกที่มีราคาผันผวน
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ส่งให้ราคาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จากการเปิดเสรีการค้าสำหรับ LNG ในประเทศต่าง ๆ ของภูมิภาคเอเชียและคาดว่าประเทศในภูมิภาคยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือจะเริ่มเตรียมกักตุน LNG สำหรับฤดูหนาวของปี 2566 รวมถึงความต้องการจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อสมดุลของตลาด LNG
ส่วนโครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 ซึ่งเป็นโครงการก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ปตท.สผ.ถือหุ้นสัดส่วน 8.5% คาดว่าจะสามารถกลับเข้าพื้นที่ได้ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า และยังคงเป้าหมายการส่งมอบ LNG ล็อตแรกในปี 2570 หลังจากหยุดดำเนินการก่อสร้างด้วยเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นใกล้กับพื้นที่ของโครงการ
อนึ่ง ก่อนหน้านี้บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21,039.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 20,599.94 ล้านบาท โดยหลักจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงจากขาดทุนในไตรมาส 2 ปีก่อนเป็นกำไรในไตรมาสนี้
ทั้งนี้แบ่งเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติสำหรับไตรมาส 2/2566 จำนวน 585 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ลดลง 62 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2565 ที่มีกำไร 647 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯสาเหตุหลักจากรายได้จากการขายลดลง 459 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณการขายเฉลี่ยต่อวันที่ลดลง และสำหรับกำไรในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 พร้อมบริษัทประกาศเงินปันผล 4.25 บาทต่อหุ้น