SNNP จ่อเปิดตัว “เมจิกฟาร์ม น้ำกระท่อม” ดันรายได้ครึ่งปีหลังโตต่อ
SNNP มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้า 6.5 พันล้านบาท จ่อเปิดตัว “เมจิกหาร์ม น้ำกระท่อม” พร้อมขยายตลาดสินค้าเต็มสูบ เล็งคลอดอาหารเสริมตัวใหม่ปลายปีนี้
นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานธุรกิจภายในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 10 ส.ค.66 ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้ บริษัทเตรียมสินค้าใหม่ ได้แก่ เมจิกฟาร์ม น้ำกระท่อม ซึ่งเป็นสินค้าตัวเดียวที่ได้รับเครื่องหมาย อย. จากองค์การอาหารและยา และสามารถผลิตและจำหน่ายในประเทศได้
สำหรับแนวโน้มในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง หลังจากในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากการออกสินค้าใหม่ในช่วงปลายไตรมาส 2 ขณะที่ธุรกิจอาหารเสริม บริษัทมีแผนออกสินค้าใหม่ช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า หลังจากได้มีการออกสินค้าใหม่ออกวางตลาดแล้วช่วงก่อนหน้านี้
ส่วนของต้นทุนขณะนี้เริ่มปรับตัวลดลงมาแล้วโดยเฉพาะในส่วนของเยลลี่ ทำให้เห็นภาพของกำไรที่ดีขึ้น ส่วนตัวอื่นๆ ยังอยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากมีทั้งขึ้นและลง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการเพิ่มแพ็กไซด์ใหม่และขยายไซส์แพ็กเกจในหลายผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยหนุนกำไรให้เติบโตขึ้น
ด้านสินค้าเรือธงของบริษัท ถ้าเป็นในส่วนของในประเทศ ได้แก่ เบนโตะ และเจเล่ ซึ่งในอนาคตคาดว่าแบรนด์โลตัสน่าจะปรับตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่น ขณะที่ในต่างประเทศ แบรนด์ที่เป็นเรือธงได้แก่ เบนโตะ และโลตัส ส่วนเจเล่นั้นถือเป็นน้องใหม่ที่มาแรง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างารทำตลาดในหลายๆ ประเทศ
อนึ่งผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาส 2/66 บริษัทมีกำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41 ล้านบาท หรือ 35% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิของบริษัทเท่ากับ 116 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141 ล้านบาท หรือ 11% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 1,339 ล้านบาท
ขณะที่งวด 6 เดือนของปี 66 บริษัทฯมีกำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 311 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90 ล้านบาท หรือ 41% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนโดยมีกำไรสุทธิของบริษัทดังกล่าวอยู่ที่ 221 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 2,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 425 ล้านบาท หรือ 17% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 2,483 ล้านบาท
โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาจากการที่ยอดขายของทุกผลิตภัณฑ์มีการเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ “เจเล่” ที่ทำยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และ เบนโตะ ที่สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และในช่วงต้นปีบริษัทฯบุกตลาด สร้างแบรนด์ “โลตัส” ให้เป็นอีกหนึ่งขาของฐานธุรกิจที่จะสร้างความแข็งแกร่ง ทำให้มั่นใจว่าภาพรวมทั้งปี 66 แนวโน้มรายได้ในปีนี้จะพุ่งแตะที่ระดับ 6,500 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.232 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้นประมาณ 223 ล้านบาท และกำหนดจ่ายเงินปันผล 8 ก.ย.66