TEKA รายได้ก่อสร้างโต 460 ล้าน ดันกำไร Q2 โต 26%
TEKA โชว์ไตรมาส 2 ฟันกำไร 20 ล้านบาท หลังรายได้ก่อสร้างพุ่งแตะ 460 ล้านบาท คาดครึ่งปีหลังโตต่อเนื่องรับแผนประมูลงานใหม่ ดันแบ็กล็อกทะลุ 3.8 พันล้าน
ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 (สิ้นสุด 30 มิ.ย.66) ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิ 20.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.18% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66 ที่มีกำไรสุทธิ 16.23 ล้านบาท และมีรายได้จากการก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 461.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66
โดยบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 58.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.35% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66 และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นเทียบกับรายได้จากการก่อสร้าง 12.78% โดยโครงสร้างรายได้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัญญาก่อสร้างโครงการใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงกับไตรมาส 1/66 และไตรมาส 2/65
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/66 และจะดีต่อเนื่องจนถึงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยบริษัทฯ จะเข้าประมูลงานใหม่เพื่อสร้างรายได้และผลกำไรที่ดีขึ้นในอนาคต รวมทั้งทยอยรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างที่ถืออยู่ในมือ
ล่าสุดในเดือน ก.ค.66 บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ให้รับงานก่อสร้างใหม่ต่อเนื่องเป็นงานที่ 3 ในชื่อโครงการราชเทวี (RWT) มูลค่า 1,098 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมความสูง 32 ชั้น และชั้นใต้ดิน 4 ชั้น ระยะเวลาก่อสร้าง 37 เดือน มีกำหนดเริ่มก่อสร้างในเดือนสิงหาคมนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ มี Backlog รวมทั้งสิ้น 3,785.06 ล้านบาท
“TEKA ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท แสนสิริ ด้วยดีมาโดยตลอด ได้รับงานใหญ่ๆ ในปีนี้โครงการล่าสุดคือโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมราชเทวี มูลค่า 1,098 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างอื่นๆ ที่จะเข้าประมูลเพิ่มเติม และมั่นใจว่าจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ TEKA จะทำให้เราได้รับงานใหม่ๆ อย่างแน่นอน” ดร.วีระศักดิ์ กล่าว
ดร.วีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในปี 66 บริษัทฯ คาดการณ์รายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างอยู่ในช่วง 2,000-2,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตจากปีก่อน 13% ซึ่งในปี 65 บริษัทฯ มีรายได้จากการก่อสร้างรวม 1,933.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 338.66 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21.2% มีกำไรขั้นต้น 277.88 ล้านบาท และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นเทียบกับรายได้จากการก่อสร้างคิดเป็น 14.38%
อย่างไรก็ตาม TEKA มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจก่อสร้างมายาวนานร่วม 39 ปี โดยมีความเชี่ยวชาญในงานอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่ มีกลุ่มลูกค้าทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน มีความพร้อมในการขยายโอกาสการรับงานที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น อาคารคอนโดมิเนียม, โรงแรม, อาคารสำนักงาน, อาคารโรงพยาบาล และอาคารคลังสินค้า ซึ่งจากภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างที่สดใสในปีนี้ ส่งผลดีต่อ TEKA ที่จะมีโอกาสรับงานใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น และได้เร่งรัดงานก่อสร้างต่างๆ ที่มีอยู่ในมือให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อเพิ่มผลการดำเนินงาน ทั้งด้านรายได้ และอัตรากำไรให้ดีขึ้นจากปีก่อน