SAK ส่งซิกครึ่งหลังโตต่อ มั่นใจปีนี้พอร์ตสินเชื่อแตะ 1.2 หมื่นล้าน
SAK ส่งซิกครึ่งปีหลัง รับเศรษฐกิจโต ดันความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น มั่นใจทั้งปีพอร์ตสินเชื่อแตะ 1.2 หมื่นล้านบาท ตอกย้ำผู้นำให้บริการสินเชื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 11 ส.ค.66 ว่าในช่วงครึ่งปีหลังความต้องการสินเชื่อเพื่อนำมาเป็นฐานทุนการประกอบอาชีพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำหรับ SAK มั่นใจช่วงครึ่งปีหลังธุรกิจสินเชื่อมีโอกาสเติบโตได้ดี หนุนจากช่วง High season ของการทำเกษตรกรรมซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท รวมทั้งยอดขายจากจำนวนสาขาที่เปิดใหม่ปี 66 อีก 100 แห่ง และการควบคุมหนี้ NPL บริษัทสามารถปรับควบคุมให้อยู่ในระดับประมาณ 2.5% คาดว่าจะรักษาระดับนี้ได้จนถึงช่วงสิ้นปี พร้อมทั้งพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่มีความรัดกุม เพื่อบริหารความเสี่ยงและควบคุมคุณภาพลูกหนี้ จึงมั่นใจว่าในปีนี้จะผลักดันพอร์ตสินเชื่อทั้งปีได้ 12,400 ล้านบาทตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ธุรกิจโซลาร์ รูฟท็อป คาดยอดติดตั้งภายในปี66 จำนวน 100 – 200 หลังต่อเดือน จากเดิมตั้งไว้ 30-50 หลังต่อเดือน ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 นอกจากนี้ธุรกิจสินเชื่อโดรนเพื่อการเกษตร ตั้งเป้ายอดขายเฉลี่ย 10 ลำต่อเดือน ซึ่งบริษัทมียอดขาย 60-70% ของเป้าที่วางไว้ สำหรับธุรกิจสินเชื่อที่ดินที่บริษัทได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ตอนนี้มียอดสินเชื่อเข้ามาประมาณ 50 ล้านบาท และมีหนี้เสียเป็นจำนวนน้อยมาก คาดว่ามีโอกาสที่จะขยายธุรกิจสินเชื่อที่ดินให้มากขึ้น
อนึ่ง บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 บริษัทมีรายได้รวม 675.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.0 ล้านบาทหรือ 19.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากการขยายธุรกิจเป็นไปตามเป้า ส่งผลให้บริษัทมีฐานลูกค้าและลูกหนี้เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังเป็นไปตามเป้า มียอดขาย 6 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งคาดว่าปี 66 จะมียอดขายทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท และปีหน้าคาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับประกันเพิ่มเข้ามาอีก
นอกจากนี้ ประเภทสินเชื่อที่มีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น ประกอบด้วย สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน 9,480 ล้านบาท โดยมีสัดส่วน 81.2% สินเชื่อส่วนบุคคลที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน 274 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.3 % สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ 1,301 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.1% สินเชื่อที่ดิน 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.4% และสินเชื่อเช่าซื้อ 586 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.0% โดยสินเชื่อเพื่อการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปสำหรับที่อยู่อาศัย 20 ล้านบาท