DOHOME แย้มครึ่งปีหลัง 66 เร่งขยายสาขา “ดูโฮม ทูโก” 4 แห่ง

DOHOME แย้มครึ่งปีหลัง 66 เร่งขยายสาขาดูโฮม ทูโก เพิ่มอีก 4 สาขา หลังภาพรวมยอดขายโตแกร่ง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้อาจถูกกดดันจากมาร์จิ้นเหล็ก แต่คาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังบริษัทเน้นบริหารจัดการสต็อกสินค้า


นางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีการเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน)หรือ DOHOME เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจ ผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 11 สิงหาคม 2566 ว่าภายในไตรมาส 3-4 ปี 2566 บริษัทมีแผนเปิดสาขา Dohme ToGo เพิ่มอีก 4  สาขา เนื่องจากได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า ซึ่งการเปิดสาขาใหม่จะสามารถจุดคุ้มทุน หรือ Break Even ได้ภายใน 1-2 เดือนแรก แต่ระยะเวลาก็ต้องขึ้นอยู่กับอัตรากำไรขั้นต้น แต่ส่วนใหญ่ก็จะไม่เกิน 1 ปี ทั้งหมด และมีแผนปิดสาขาของบริษัทในกลุ่มที่ทำผลการดำเนินงานได้ไม่ดีอีก 2 สาขา รวมกับในช่วงครึ่งปีแรกที่ปิดแล้ว 1 สาขา

สำหรับการปิดสาขาเดิมในภาคอีสานที่ทำผลงานได้ไม่โดดเด่น เนื่องจากมียอดขายติดลบ 30% ในขณะที่สาขาในภาคอีสานที่เปิดใหม่ในจังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดบุรีรัมย์ มียอดขายที่เติบโตค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจด้านสาขาที่อยู่ในภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ มีการเติบโตขึ้น ระหว่าง 2% และมากกว่า 100% ในบางสาขา

สืบเนื่องมาจากดีมานด์โดยเฉพาะในภาคอีสานยังไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งบริษัทฯได้มีการปรับปรุงร้าน (Renovation)โดยเฉพาะสาขาเก่าๆ ในภาคอีสานอยู่มาก เช่น ในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งยอดขายติดลบ 30% เนื่องจากมีการปรับปรุงร้านในเดือนพฤษภาคม- กรกฎาคม 2566 ทำให้ยอดขายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 66 ติดลบ 30% ในขณะที่เดือนกรกฎาคมติดลบน้อยลง และวันที่ 11 สิงหาคมผ่านมาของเดือนสิงหาคมติดลบน้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญตามลำดับ คาดว่าเมื่อการปรับปรุงร้านสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ยอดขายน่าจะกลับมาสู่สภาวะปกติดังเดิม

แนวโน้มครึ่งหลังของปี 2566 คาดการณ์ขยายร้านที่เป็นลักษณะ To Go มีการขยายเปิดตัวเพิ่มเติมอีก 4 สาขา เพราะในส่วนของภาพรวมถือว่ายอดขายเป็นที่น่าพอใจหากบริษัทไม่เจอต้นทุนที่กดดัน ” นางสลิลทิพ กล่าว

นางสลิลทิพ กล่าวอีกว่า  สำหรับเป้าหมายในการลงทุนปี 2566 ในบริษัทฯจะมีการเปิดสาขาดูโฮมใหม่ทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ในจังหวัดเชียงราย (เปิดแล้ว) ในส่วนของซอฟโอเพ่นนิ่ง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 และในส่วนของแกรนด์เพนนิ่ง เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 และจะมีการเปิดสาขาเพิ่มอีกสองที่จังหวัดอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี ตำบลบางพูน ต่อเนื่องจนไปถึงปีหน้า

นอกจากนี้ การลดราคากลุ่มสินค้าที่เป็น NPI หรือ Non performance ในขณะเดียวกัน ทำการลดเคลียแร้น เซลล์ หมดไป เมื่อต้นสัปดาห์ของเดือนกรกฎาคม เพราะฉะนั้น หากดู GP ในกลุ่มของพวกนี้ เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม จะเปิดตัวสูงขึ้นส่วน DCPในส่วนของ gross profit margin จะมีเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างดี แต่บางกลุ่มสินค้ามีการลดสต๊อกลง ดูจากมูลค่าสต๊อกในไตรมาส 2/2566 มาอยู่ที่ 600 ล้านบาท จากไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 13,500 ล้านบาท

ส่วนค่าใช้จ่ายในไตรมาสที่ 2/66 ค่าขยายเปิดสาขาจะน้อยลง สาเหตุจากได้จัดกระบวนการทำงานให้กระชับมากขึ้น ดังนั้นจำนวนพนักงานในหลายๆร้านจะลดลง และไม่มีการรับสมัครเพิ่ม ค่าใช้จ่ายพนักงานค่อยๆลดลง จะทำให้เห็นผลอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้นในไตรมาสที่ 3-4 ดังนั้นแล้วค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ จะอยู่ในมุมที่สามารถบริหารจัดการได้

อย่างไรก็ตาม ค่ายใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง หนี้เงินต้นสูงขึ้น เนื่องจากปีที่แล้ว DOHOME ได้เปิดสาขา 5 สาขา ทำให้มีภาระหนี้เพิ่มจำนวนพันกว่าล้าน มีภาระดอกเบี้ยจากเงินต้นที่สูงขึ้น และนโยบายอัตราดอกเบี้ยธนาคารชาติ ทำให้ได้รับผลกระทบ โดยปัจจุบัน เพิ่มอัตราดอกเบี้ย 1.75 แต่ถึงอย่างไร อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต้นทุนของ DOHOME ยังคงเพิ่มไม่ถึง 1%รวมทั้งมีการบริหารงานการเงินเพื่อลดผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว

Back to top button