BLC กวาดรายได้ครึ่งแรกทะลุ 600 ล้าน กำไรโต 35% แตะ 63 ล้าน แย้ม Q3 โตต่อ
BLC กวาดรายได้ครึ่งปีแรกทะลุ 600 ล้าน กำไรโต 35% แตะ 63 ล้าน แย้มไตรมาส 3/66 โตต่อ รับรู้รายได้จากตลาดส่งออก เทรนด์สุขภาพหนุนเด่น แย้มครึ่งหลังจ่อเซ็น MOU บุกตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ทั้งปี 66 โตตามเป้า 2 พันล้านบาท
ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ หรือ BLC ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 327.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.56% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากการทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง การจัดโปรโมชัน และการออกบูธแสดงสินค้า เพื่อสร้าง Brand Awareness ให้แก่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ รวมทั้งการเพิ่มรายได้จากช่องทางการจัดจำหน่ายในโรงพยาบาล ร้านขายยา โมเดิร์นเทรด และช่องทางออนไลน์
ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 33.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2566 มีรายได้รวม 665.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.02% และมีกำไรสุทธิ 63.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.63% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3/66 เติบโตต่อเนื่อง จากเทรนด์สุขภาพเติบโต เตรียมรับรู้รายได้จากตลาดส่งออก แย้มครึ่งปีหลังรอเซ็น MOU อีกหลายประเทศ เร่งเครื่องปั๊มยอดขายรับไฮซีซัน บุกตลาด CLMV และตะวันออกกลาง มั่นใจรายได้ทั้งปีโตตามเป้า
ภก.สุวิทย์ กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมยาครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะขยายตัว 4-5% ต่อปี จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่กลับเข้ามารักษาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งกระแสการใส่ใจสุขภาพหลังการระบาดของโควิด-19 เป็นเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังเติบโตทั่วโลก ส่งผลให้ดีมานด์ยา เวชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือ Ageing Society อย่างเต็มรูปแบบ จากการมีประชากรผู้สูงอายุประมาณ 12 ล้านคน คิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ BLC ในฐานะบริษัทยาของคนไทย ได้เตรียมความพร้อมในการผลิตยาสามัญใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูง เพื่อตอบสนองเทรนด์สุขภาพดังกล่าว พร้อมวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมสมุนไพรไทยในการใช้เป็นทางเลือกในการรักษาควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านยาให้แก่ประเทศไทย ลดการพึ่งพิงยานำเข้าจากต่างประเทศ
สำหรับแผนงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ วางกลยุทธ์ Product Mix เพิ่มการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีกำไรสูง เพิ่มผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ ให้มากขึ้นเพื่อรักษาอัตราการทำกำไรที่ดีในระยะยาว และได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) จากการผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้นทำให้สัดส่วนต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายส่วนที่เป็นต้นทุนคงที่ต่อรายได้จากการขายลดลง
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายในช่องทางโรงพยาบาล โดยจะนำเสนอยาสามัญใหม่ของบริษัทฯ ไปยังลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาลรัฐและเอกชน พร้อมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรงผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด และอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ผ่านตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ
โดยในปี 2565 บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกอยู่ที่ 6.1% และมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้จากการส่งออก มากขึ้นจากเดิม ซึ่งจะช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯเติบโตตามเป้าหมายรายได้ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 ตามแผนงานที่วางเอาไว้
“ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเราได้เซ็น MOU เพื่อส่งออกครีมไพล Plaivana และเจลพริก Capsika ไปยังประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งสมุนไพรนวัตกรรม (Innovation Thai Herb) ที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์แผนปัจจุบันให้ใช้ในโรงพยาบาล และมีศักยภาพในการเติบโตในต่างประเทศ โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ และเรามีแผนเซ็น MOU กับอีกหลายประเทศ ทั้งใน CLMV และประเทศแถบตะวันออกกลาง ทำให้มั่นใจว่าครึ่งปีหลังบริษัทฯ จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางเอาไว้” ภก.สุวิทย์ กล่าว