“บีโอไอ” ดึง “ฉางอัน” ลงทุน 8.8 พันล้าน ตั้งฐานผลิต EV ในไทย ตั้งเป้า 1 แสนคันต่อปี
“บีโอไอ” ดึงฉางอันผู้ผลิต EV ยักษ์ใหญ่จากจีน ตั้งฐานผลิตในไทยเพื่อป้อนตลาดอาเซียน รวมถึงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ แอฟริกาใต้ และตลาดอื่นๆ ตั้งเป้าผลิต 1 แสนคันต่อปี มูลค่าลงทุน 8.8 พันล้านบาท
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยว่า ผลสำเร็จจากการเดินทางเยือนมหานครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 27-28 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา เพื่อเข้าพบกับนาย Zhu Huarong ประธานกรรมการ และคณะผู้บริหาร บริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล จำกัด (Changan Automobile) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีน
โดยล่าสุดรัฐบาลจีนเห็นชอบให้บริษัทฯ ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว โดยมีการลงทุนในเฟสแรกมูลค่ากว่า 8,800 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาทั้งประเภท BEV, PHEV, REEV (Range Extended EV) กำลังการผลิตในระยะแรก 1 แสนคันต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจะจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังกลุ่มอาเซียน รวมถึงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ แอฟริกาใต้ และตลาดอื่น ๆ
ฉางอัน เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับขี่อัจฉริยะ และเป็น 1 ใน 4 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน ด้วยยอดขายกว่า 2 ล้านคันในปีที่แล้ว มีสำนักงานใหญ่ และฐานการผลิตหลักอยู่ที่มหานครฉงชิ่ง อีกทั้งได้มีการร่วมลงทุนกับบริษัทฟอร์ด และมาสด้า ผลิตรถยนต์ในจีนด้วย สำหรับแผนการลงทุนในประเทศไทยนั้น บริษัทเริ่มศึกษาข้อมูลการลงทุนในไทยตั้งแต่ปี 63 พร้อมหารือร่วมกับสำนักงานบีโอไอ ณ นครเซี่ยงไฮ้ และสำนักงานใหญ่อย่างใกล้ชิด เพื่อศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกประกอบการวางแผนการลงทุน และหารือมาตรการสนับสนุนต่างๆของภาครัฐ
“การที่ ฉางอัน เลือกไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลจีนในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่น และความพร้อมของไทยในการเป็นแหล่งผลิตรถยนต์ที่โดดเด่นของภูมิภาค จากที่บีโอไอได้เดินทางไปพบประธานกรรมการบริษัทฯ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บีโอไอได้นำเสนอภาพการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย มาตรการสนับสนุนล่าสุด รวมทั้งให้ความมั่นใจเรื่องความต่อเนื่องของนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า และพร้อมประสานงานกับทุกหน่วยงานเพื่อให้การลงทุนของบริษัทประสบความสำเร็จ โดยบริษัทมีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในไทยช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนสำคัญ รวมถึงการพัฒนารถยนต์ในไทยในอนาคต เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของไทยมากกว่าการเป็นฐานการผลิต” นายนฤตม์ กล่าว
โดยการตัดสินใจลงทุนในประเทศไทยของฉางอัน นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก อีกทั้งแสดงถึงความเชื่อมั่นของบริษัทที่มีต่อประเทศไทย ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ศักยภาพของตลาด นโยบายเชิงรุกในการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร รวมทั้งซัพพลายเชนที่พร้อมรองรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัทได้เริ่มหารือกับซัพพลายเออร์ในไทย เพื่อให้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ส่งให้กับบริษัท ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไทยทั้งรายเล็กและรายใหญ่ด้วย
นอกจากนี้บีโอไอจะเดินหน้าทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ดึงผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายอื่นๆ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาให้เข้ามาลงทุนเพิ่มเติมควบคู่กับการส่งเสริมระบบชาร์จไฟฟ้าและ ecosystem ที่จำเป็น เพื่อให้ฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ที่ผ่านมาบีโอไอได้อนุมัติให้การส่งเสริมโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และไฮบริด (HEV) รวมทั้งหมด 23 โครงการ จาก 16 บริษัท รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 75,000 ล้านบาท