ITC ส่งซิกครึ่งปีหลัง 66 สินค้าพรีเมี่ยมฟื้น พร้อมเคาะปันผล 0.25 บาท ขึ้น XD 10 ส.ค.นี้
ITC ส่งซิกไตรมาส 3/2566 ฟื้นตัว คาดปรับราคาสินค้าฝั่งสหรัฐอเมริกา ยุโรป รวมถึงภูมิภาคเอเชียขึ้นอีก 3-5% มองครึ่งปีหลังสดใสแผนกลยุทธ์ปล่อยสินค้ากับลูกค้าทั่วโลก ขณะที่สินค้าพรีเมี่ยมกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งระดับ 47-48% พร้อมเคาะปันผล 0.25 บาท ขึ้น XD 10 ส.ค.นี้
นางสาวเนโรลี่ โกลด์แมน หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจ ผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 66 ว่าแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 3/66 จะมีทิศทางดีขึ้นทั้งในฟากฝั่งสหรัฐอเมริกา ยุโรป รวมถึงภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีกับอุตสาหกรรม และคาดการณ์ว่ามีการปรับราคาขายสินค้าขึ้นในไตรมาสนี้ประมาณ 3-5% เพื่อรองรับต้นทุนฟื้นตัวในปี 66
ส่วนแนวโน้มครึ่งหลังปี 66 มีโอกาสดีขึ้นทั้งในด้านยอดขายและกำไรเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 66 เนื่องจากการกักตุนสินค้าของกลุ่มลูกค้าในฝั่งสหรัฐอเมริกาได้เสร็จสิ้นลงแล้ว จึงมีการกลับเข้ามาซื้อเกือบสมบูรณ์ ไม่ว่าจะระดับโลกหรือห้างร้าน และสินค้าพรีเมี่ยมกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งกลับมาราว 47-48% รวมถึงมีการเตรียมแผนการรองรับและปรับตัว พร้อมด้วยมาตรการต่างๆ เช่น การป้องกันความเสี่ยงจากกำไรที่ลดลงหรือการรักษาราคาต้นทุน ทุกกระบวนการโดยเฉพาะกระบวนการผลิต ตลอดจนกลยุทธ์ต่างๆทำให้ทั้งส่วนของยอดขายและกำไรมีแนวโน้มที่ดีสำหรับครึ่งปีหลัง
สำหรับกลยุทธ์ที่ใช้ปรับปรุงธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เน้นย้ำเรื่องการปล่อยแผนงานกับลูกค้าระดับ Global และทำงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับคุณภาพสินค้าให้เข้าถึง โดยครึ่งหลังของปีนี้ จนถึงปี 68 ลูกค้าที่อยู่ในระดับ Global Brand ยังคงให้ร่วมมือและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และการขยาย portfolio ของบริษัทฯ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีลูกค้าที่เป็นแบรนหลัก 4 โกลบอลแบรนอยู่ในพอร์ต และมีแผนที่จะขยายเพิ่มปีหน้า พร้อมขยายธุรกิจ Private-label ในฝั่งอังกฤษและยุโรป และมีการประกาศพันธกิจ sea change ตลอดทั้งปี 66 เพื่อความมุ่งมั่นในแง่ของยอดขายที่จะโตประมาน 15% ต่อปีในระยะยาว
อีกทั้ง จะมีการปล่อยสินค้า MSC pet food ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานที่ดูแลเรื่องความยั่งยืนของทรัพยากรที่มาจากท้องทะเล มีเรื่องการเพิ่มการบวนการผลิตอัตโนมัติในโรงงาน และมีแผนที่จะเปิด warehouse อัตโนมัติ 100% ในปี 68 พร้อมกับการเดินหน้าเรื่องอาหารเสริมสำหรับสุนัขและแมว และด้านการลงทุน m&a เริ่มช่วงปี 67 เป็นต้นไป รวมถึงการบริหารต้นทุนในโรงงานหรือการหาตัวเลือกส่วนประกอบ เพิ่มระบบอัตโนมัติในโรงงาน และยีลด์มากขึ้นจากการบรรจุการใช้เครื่องจักรวางสินค้า เป็นผลทำให้เพิ่มอัตรากำไร 1% ครึ่งหลังของปีนี้
อนึ่ง ก่อนหน้านี้บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 มียอดขายอยู่ที่ 3,243 ล้านบาท หากเทียบกับไตรมาส 2/65 ที่ทำนิวไฮ แต่ยอดขายลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66 สาเหตุจากการกักตุนสินค้าของประเทศลูกค้ายังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งช่วงครึ่งแรกของปี 66 มีการกักตุนสินค้ามากโดยเฉพาะในอังกฤษ ยุโรป รวมถึงการส่งผลกระทบของสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 18.4% ถ้าเทียบกับไตรมาส 1/66 สามารถบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และได้มีการปรับราคาสินค้ากับลูกค้าบางรายเพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการจัดการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อลงมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลงวดปี 66 (1 ม.ค.- 30 มิ.ย.66) ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยกำหนดวันรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 11 ส.ค. 66 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 10 ส.ค. 66 เพื่อดำเนินการจ่ายปันผลในวันที่ 25 ก.ย. 66 และยังคงรักษามาตรฐานนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิและไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อปี