จับจังหวะลงทุน 3 หุ้นกำไรโต ชู PLANB ท็อปพิก ลุ้นไตรมาส 3 โตต่อ
“เอเซีย พลัส” คัด 3 หุ้นท็อปพิก กำไรไตรมาส 2/66 โต และมีแนวโน้มโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี พร้อมชู PLANB กำไรฟื้นเด่นรับเม็ดเงินโฆษณาไหลเข้า จับตาครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์วานนี้ (15 ส.ค.66) ประเมินเกี่ยวกับภาพรวมของตลาดหุ้นไทย หลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปี 66 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยงบที่ประกาศออกมาถือว่าอยู่ในความคาดหมายของตลาด แต่ต่ำกว่า บลูมเบิร์ก คอนเซนซัส 2.39% โดยหากมองทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 66 คาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวมากขึ้น
ส่วนประเด็นทางการเมืองจนถึงปัจจุบันเห็นพัฒนาการของการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งส่งสัญญาณว่าได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ส.เกิน 250 เสียง จากนี้ไปรอดู 2 เรื่องสำคัญ เริ่มจากวันนี้ (16 ส.ค.66) ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าจะรับหรือไม่รับ คำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการใช้ข้อบังคับที่ 41 ของรัฐสภาสำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ถัดไปจะการรอดูเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ว่าจะทำให้ได้คะแนนรวมเกิน 375 เสียงของรัฐสภาหรือไม่
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจโลกมีความกังวลเรื่องอสังหริมทรัพย์ของจีน เป็นแรงกดดันหลัก คาดหมายว่า SET น่าจะผันผวนออกข้าง มีแนวต้านที่ 1,545 จุด และแนวรับที่ 1,520 จุด สำหรับหุ้น Top Pick เลือกหุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 2/66 เติบโตสวนตลาด และมีแนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่อง อาทิ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) PLANB และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI
สำหรับ ERW รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 141.97 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 139.11 ล้านบาท เป็นผลมาจากรวมรายได้จากการดำเนินงาน 1,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 974 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการประกอบกิจการโรงแรม อีกทั้งรายได้ค่าเช่าและบริการโดยบันทึกกำไรระดับ EBITDA อยู่ที่ 483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 211% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 66 มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 3,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 109 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และบันทึกกำไรระดับ EBITDA อยู่ที่ 1,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 641 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 381 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากผลขาดทุนสุทธิ 452 ล้านบาท
ด้าน PLANB รายงานกำไรไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 227 ล้านบาท เติบโตกว่า 35.4% เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาส 2/62 ที่ 168 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการกลับมาใช้ชีวิตของประชาชนได้เป็นปกติ รวมถึงการใช้เม็ดเงินสื่อโฆษณาของลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาส 1/66 และไตรมาส 2/65 บริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างเข้มแข็งที่ 71.9% และ 35.4% ตามลำดับ สืบเนื่องจากการเติบโตของรายได้หลักของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้ธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยยังคงสร้างผลงานในเชิงบวกได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 1,620 ล้านบาท เติบโต 24.3% จากปีก่อน จากทุกกลุ่มสื่อโฆษณา
รวมถึงอัตราการใช้สื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2/66 แตะอยู่ที่ระดับ 72.1% สูงกว่าคาดการณ์ ในขณะที่ธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วมยังคงสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน โดยสามารถสร้างรายได้อยู่ที่ 395 ล้านบาท เติบโต 22.2% จากปีก่อน สนับสนุนจากธุรกิจด้านสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง
ขณะที่ SIRI รายงานผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปี 66 มีกำไรสุทธิ 3,203 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้เติบโตก้าวกระโดดไปถึง 162% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 1,621 ล้านบาท โตขึ้น 77% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา อัตรากำไรสุทธิรอบ 6 เดือนสูงถึง 17.3% ของรายได้รวม ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจากอัตรากำไรสุทธิ 9.3% ของรายได้รวมจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากรายได้รวมรอบ 6 เดือน ที่เติบโตขึ้น 42% มาที่ 18,493 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้รวมในช่วงไตรมาสแรก 8,505 ล้านบาท และรายได้รวมไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 9,988 ล้านบาท โต 27% มาจากผลงานมาจากรายได้จากการขายโครงการที่โดดเด่นในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย