ขนทัพ 37 หุ้น โชว์งบ Q2 กำไรโตทะลักเกิน 100%
ส่อง 37 หุ้น SET โชว์งบไตรมาส 2/66 กำไรโตกระฉูดเกิน 100% จับตา RS, CENTEL, MAJOR, WHA, และ MINT แนวโน้มครึ่งปีหลังเติบโตแกร่ง
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2566 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ประกาศออกมาโชว์กำไรสุทธิเติบโตเกิน 100% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 37 บริษัท (รายละเอียดดูจากตารางประกอบ)
อย่างไรก็ดีบริษัทที่โชว์กำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 เติบโตเกิน 100% มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ ขนาดกลาง โดยตัวอย่างบริษัทที่กวาดกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2566 ได้อย่างแข็งแกร่ง ที่สำคัญทางนักวิเคราะห์บางส่วนประเมินว่าในครึ่งปีหลังจะยังคงทำผลงานดีอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ RS, CENTEL, MAJOR, WHA, และ MINT
บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 92.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 608.80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 13.07 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้รวมจากการขายและบริการ 964.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% โดยหลักมาจากรายได้ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ที่มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ กิจกรรมอีเวนต์สปอนเซอร์ชิป และการฟื้นตัวของสื่อ จากการพัฒนาคอนเทนต์รายการข่าว และการขายสื่อโฆษณาเป็นแบบรวมศูนย์
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มครึ่งหลังของปี 66 ของ RS คาดดีกว่าครึ่งปีแรกหลักใหญ่ยังมาจากการจัดอีเว้นท์ของ RS ทั้งหมด 3 งาน และร่วมกับแกรมมี่อีก 3 งาน ซึ่งมากกว่าในครึ่งปีแรก ขณะที่สื่อแนวโน้มคาดฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงการขายลิขสิทธิ์ที่ยังมีเข้ามาทำให้การดำเนินงานปกติจะดีขึ้น และจะมีการบันทึกกำไรพิเศษก้อนใหญ่จากการขายหุ้น RS Music ให้ UMG คาดที่ 1,280 ล้านบาทในไตรมาส 3/66
บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 120.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 446.76% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 22.06 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทมีรายได้รวม 5,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้น
โดย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า คาดว่าไตรมาส 3/66 จะเห็นการปรับปรุงเนื่องจากโรงแรมโอซาก้าจะเริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 66 เป็นต้นไป ซึ่งการดำเนินงานของไทยน่าจะทรงตัว อย่างไรก็ตาม มีจังหวะการดำเนินธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง high season ของไตรมาส 4/66 ดังนั้น ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ CENTEL โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 59.00 บาท
บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 532.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305.51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 131.31 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายและบริการ 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% มาจำนวนภาพยนตร์เข้าฉายเพิ่มขึ้น และภาพยนตร์ได้รับความนิยม หลายเรื่อง อาทิ ภาพยนตร์ต่างประเทศ และภาพยนตร์ไทย ประกอบกับการเพิ่มช่องทางต่างๆ ในการจำหน่ายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มนอกเหนือจากการจำหน่าย ณ บริเวณโรงภาพยนตร์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการทั้งปีคาดจะดีขึ้นจากจำนวนหนังที่เข้าฉายมากกว่า 70% ก่อนช่วง pre-covid โดยในครึ่งปีหลังจะมีหนังจากฮอลลีวูดประมาณ 23 เรื่อง เป็นหนังฟอร์มยักษ์ 10 เรื่อง และหนังไทยอีก 25 เรื่อง เตรียมพร้อมเข้าฉาย ยังคงประมาณการปี 66 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 737 ล้านบาท และในปี 67 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,118 ล้านบาท จากคาดทุกธุรกิจเริ่มฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติก่อนช่วง COVID-19 และหนังใหญ่พร้อมเข้าฉายหลายเรื่อง และคาดรายได้สื่อโฆษณาและรายได้ธุรกิจอาหาร รวมถึงเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ชมที่กลับมาดูหนังเพิ่มมากขึ้น
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 866.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 199.04% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 289.64 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ธุรกิจที่ดินและการขายอสังหาริมทรัพย์ รายได้จากการขายและให้บริการระบบสาธารณูปโภค รวมถึงรายได้และส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจไฟฟ้าจากการดําเนินงาน
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ระบุว่า ประเมินผลประกอบการครึ่งหลังของปี 66 ของ WHA จะเติบโตจากปัจจัยฤดูกาลในการโอนที่ดินที่จะเร่งตัวขึ้นช่วงปลายไตรมาส 3/66 บริษัทยังคงน่าจะมีการขยายในส่วนของการขาย ที่ดิน การขายอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการขายและให้บริการระบบสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการขอและการโอนที่ดิน
นอกจากนี้ ในช่วงปลายไตรมาส 4/66 บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs เพิ่มเติมอีกด้วย ส่วนรายได้จากการขายไฟอาจจะมีการหดหัวจากการที่ภาครัฐมีการสนับสนุในเรื่องของการปรับลดค่าเอฟทีในช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคมเหลืออยู่ที่ 4.7 บาทต่อหน่วย และในเดือนกันยายน –ธันวาคม 66 ลดลง 25 สตางค์ ส่งผลให้ค่าไฟลดลงเหลือ 4.45 บาทต่อหน่วย
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,255.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.46% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,561.50 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้รวม 40,607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร
โดย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า คาดว่ากลุ่มธุรกิจโรงแรมและอาหารจะยังคงอยู่ในระดับสูงแม้ว่าจะอ่อนค่าจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อยจากฤดูกาล ขณะที่แนวโน้มต้นทุนที่ลดลงในไตรมาส 3/66 ก็น่าจะช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ยังคงคำ แนะนำ “ซื้อ” สำหรับ MINT โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 38.00 บาท