“เอกภาวิน” คาด SET รีบาวด์ แนะเก็บ 8 หุ้นพื้นฐานดี
“เอกภาวิน สุนทราภิชาติ” คาด SET รีบาวด์ หลังพักฐานมาสองสัปดาห์ พร้อมแนะ 8 หุ้นน่าลงทุน พร้อมให้กรอบแนวต้าน 1,540 จุด และแนวรับ 1,530 จุด
นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสก์ เอกซ์ จำกัด หรือ INVX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (21 ส.ค. 66) ว่ารวมภาพทั้งสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทยจะมีการรีบาวด์ หลังจากพักฐานมาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และ downside จำกัดอยู่ที่ 1,500 จุด (บวก/ลบราว 5 จุด) แต่อย่างไรก็ตามเช้าวันนี้ อาจมีปัจจัยลบจากจีดีพีภายในประเทศในไตรมาส 2 ที่มีตัวเลขออกมาคือ 1.8% ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ประมาน 2.6% – 2.7% โดยสาเหตุมาจากการส่งออกที่ลดลงทั้ง 3 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้มีการปรับลดตัวจีดีพีทั้งปีนี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกยังคงมีอยู่ คือการเมืองที่อาจจะชัดเจนยิ่งขึ้น สำหรับการรอเลือกตั้งนายกฯและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ภายในเดือนก.ย.-ต.ค.66 อีกทั้ง งาน Thailand Focus 2023 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 23-25 ส.ค.66 จะเป็นประเด็นที่ช่วยสร้างแนวโน้มบวกสำหรับตลาดได้ พร้อมให้กรอบแนวต้าน 1,540 จุด และแนวรับอยู่ที่ 1,530 จุด
สำหรับกลยุทธ์ในการการลงทุน นายเอกภาวิน ยังคงเน้นไปที่การคัดเลือกหุ้นที่มีผลการทำงานครึ่งปีหลังโตได้ดี ทนทานต่อสภาวะตลาดที่มีความผันผวนระยะสั้น และมีผลการทำงานครึ่งปีหลังโดดเด่นมากกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งอยู่ใน 4 หุ้นอุตสาหกรรม 8 ตัวหุ้น ระบุได้ดังนี้
กลุ่มพลังงาน ตามผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 ราคาน้ำมันในครึ่งปีหลังจะปรับตัวขึ้นได้จากอุปทาน และโรงกลั่นหลายแห่งปิดซ่อม และความต้องการตามฤดูกาล ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP
กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ในไตรมาส 3/66 ที่น่าจับตาดู คือ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC และ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA
กลุ่มท่องเที่ยว ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/66 จะเติบโตสูง ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT และ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW
กลุ่มการแพทย์ ที่จะทำผลงานได้ดีในไตรมาส 3/66 คือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS และ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH
นอกจากนี้ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ยังเป็นตัวหุ้นที่น่าสนใจของกลุ่มการค้าปลีกในเรื่องของการเตรียมงานที่ Big C จะกลับเข้ามาจดทะเบียนในตลาด รวมถึง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เป็นโอกาสในการซื้อ และมีแนวโน้มตอบรับหากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เศรษฐกิจโลกเปราะบาง ทั้งในส่วนของภัยแล้ง เอลนีโญ่หรือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะมีผลกระทบต่อกลุ่มส่งออก ทั้งตัวหุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF และ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG จึงเป็นกลุ่มที่ต้องระมัดระวัง และลดน้ำหนักการลงทุน