PR9 แย้ม Q3 แจ่ม รับไฮซีซั่นธุรกิจโรงพยาบาล ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 10%
PR9 แย้มไตรมาส 3/66 แจ่ม รับไฮซีซั่นธุรกิจโรงพยาบาล-ลูกค้าตะวันออกกลางเริ่มใช้บริการไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 หนุน มั่นใจดันรายได้ปีนี้โตเข้าเป้าโต10% ตามกลยุทธ์ A-B-V-X ช่วยเพิ่มรายได้-เน้นประสิทธิภาพดำเนินงานสูงสุด เพื่อมุ่งสู่ศูนย์รวมด้านการดูแลสุขภาพที่ทันสมัยและได้รับการไว้วางใจมากที่สุด
นายแพทย์วิทยา วันเพ็ญ ผู้ช่วยผู้อํานวยการ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 21 ส.ค.66 เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีรายได้รวมจำนวน 1,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 980 ล้านบาท และมีกำไรไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 121 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 2566 บริษัทฯมีรายได้รวมจำนวน 1,983 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 1,959 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 229.8 ล้านบาท
โดยงวด 6 เดือนแรก ปี 2566 บริษัทฯมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 1,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,940 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายได้ที่เกี่ยวกับ COVID-19 รายได้กิจการโรงพยาบาลเติบโต 16.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) เพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยนอก
นอกจากนี้ในงวด 6 เดือนปี 2566 รายได้จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติมีการเติบโต 13.5% ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติต่อรายได้จากกิจการโรงพยาบาลสำหรับงวด 6 เดือนปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 13% ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นมาจากผู้ป่วยจากประเทศกัมพูชา ลาว และพม่า และจากการปรับตัวเพื่อหาลูกค้าต่างชาติที่ยังอาศัยอยู่ในประเทศ
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2566 คาดใกล้เคียงช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแนวโน้มไตรมาส 3/66 ผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในคาดใกล้เคียงปีก่อน แต่เมื่อเทียบไตรมาส 2/66 คาดว่าจะสูงขึ้น และในไตรมาส 3/66 กลุ่มคนไข้หลักเริ่มกลับมา นอกจากนี้คนไข้ตะวันออกกลางทยอยเข้ามาใช้บริการ และคาดว่าในไตรมาส 3 และ 4 น่าจะมีการเข้าใช้บริการชัดเจนมากขึ้น โดยปัจจุบันอัตราการครองเตียงไตรมาส 3/66 เฉลี่ยอยู่ที่ 50-60% ส่วนห้องไอซียูสูงเกิน 60-70% เนื่องจากเป็นช่วงไฮซั่นตั้งแต่เดือนก.ค.66เป็นต้นไป
ดังนั้นภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทยังคงเป้าหมายมีรายได้จากการให้บริการทางการแพทย์เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก (Double-Digit) หรือไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้ฯ ประมาณ 4,100 ล้านบาท เป็นไปตามปัจจัยบวกข้างต้น และการทยอยอัดแพ็กเกจรักษาสุขภาพแก่ชาวไทย และต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนในปีนี้ยังมุ่งสู่การเป็นศูนย์รวมด้านการดูและสุขภาพที่ทันสมัยและได้รับการไว้วางใจมากที่สุด และเป้าหมายปีนี้ตั้งเป้าการดูแลและความปลอดภัยในการรักษพยาบาลเป็นอันดับ 1 และเน้นความพึงพอใจของลูกค้าที่มาใช้บริการ และการดูแลบุคลากรและทีมแพทย์ให้อยู่อย่างมีความสุข
โดยกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ยังเน้น 3 ด้าน คือ 1.การเพิ่มรายได้ด้วยกลยุทธ์ (A-B-V-X) คือเน้นด้าน A:Advanced Medical Center ซึ่งเน้นเรื่องของศูนย์การแพทย์ที่ใช้รักษาโรคยากๆ เช่น การผ่าตัดใหญ่ๆ ไต,หัวใจ,เส้นเลือด,การรักษามะเร็ง,สมอง และการผ่าตัดแผลเล็กเกือบทุกอวัยวะ มีบทบาทมากเทคโนโลยีนี้ และดูแลฉุกเฉิน ผู้ป่วยเด็ก ซึ่งทางโรงพยาบาลถือว่ามีศักยภาพและดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่
ส่วน B:Better Quality of life care คือการเน้นดูแลสุขภาพ ดูแลฟัน ดูแลผิวหน้า และการทำเลซิก และ V : Virtual hospital คือการยกระดับรักษาที่สะดวกมากขึ้น เช่น การใช้แอป 9 CARE มาช่วยดูแลลูกค้า และ X : Collaboraion คือการจับมือกับองค์กรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีต่างๆ รวมทั้งโรงพยาบาลด้วยกันอื่นๆมาช่วยเสริมการบริการลูกค้าและธุรกิจ, 2.การปรับกระบวนการดำเนินงานต่างๆเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ใช้ต้นทุนที่น้อยและได้ผลลัพธ์ที่ดี และ3.การมุ่งไปสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม