PTG อัพยอดขายน้ำมันโต 15% แย้มครึ่งปีหลังเน้นขยาย “นอนออยล์-พลังงานสะอาด”

PTG ส่งซิกครึ่งปีหลังฟื้นตัว มุ่งเน้นขยายธุรกิจ “นอนออยล์-พลังงานสะอาด” พร้อมอัพเป้ายอดขายน้ำมันโต 15% หวังว่าจะได้รับอานิสงส์จากรัฐบาลชุดใหม่ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีมากขึ้น


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดการณ์ว่าช่วงไตรมาส 2/66 เป็นช่วงจุดต่ำสุด ในส่วนของนอนออยล์และค่าการตลาดจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าด้านของ LPG และกาแฟพันธุ์ไทยจะเติบโตอย่างมีนัย และกำไรขั้นต้นของนอนออยล์ยังตั้งไว้ที่ 20-30% และอีบิทดัตั้งเป้าเติบโตไว้ 8-12% โดยมองภาวะตลาดยังคงมีการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ทั้งนี้ บริษัทปรับประมาณงบลงทุนเหลือ 4,000-5,000 ล้านบาท ตามสภาวะเศรษฐกิจที่ยังต้องเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในไตรมาส 4/66 ซึ่งหวังว่าจะได้รับอานิสงส์จากรัฐบาลชุดใหม่ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีมากขึ้น

สำหรับธุรกิจนอนออยล์จะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 2,448 สาขา โดยจะวางงบลงทุนไม่เกินกระแสเงินสด และในส่วนของปี 67 คาดว่านอนออยล์ต้องมากกว่า 1,000 สาขา

สำหรับแนวโน้มปี 2566 เดินหน้าขยายสถานี 57 สถานี โดยจะมีการปรับเป้าในส่วนของนอนออยล์ลงเล็กน้อย โดยปรับเป้าด้านของกาแฟพันธุ์ไทยลดลงเหลือ 1,200 สาขา จากเดิม 1,500 สาขา เพื่อที่จะคัดเลือกพื้นที่ที่มีศักยภาพ แต่ยอดขายไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอย่างใด ในส่วนของวอลุ่มของน้ำมันมีการปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 8-12% แต่อย่างไรก็ตามยังคงดูในด้านของสถานการณ์พลังงาน และภาพรวมภาวะเศรษฐกิจโลกทั้งในและต่างประเทศ ยังต้องรอดูการเติบโตของ GDP ในปีนี้

ขณะที่ส่วนของ LPG ตั้งเป้าอยู่ที่ 40-60% โดยครึ่งปีแรกสามารถทำไปได้อยู่ที่ 35% และยังคงเป้าไว้ตามเดิม และนอนออยล์ตั้งเป้าไว้ที่ 75-85% โดยครึ่งปีแรกทำไปได้ที่ 63.1%

ขณะเดียวกันบริษัทมีการลงทุนธุรกิจใหม่ อย่างเช่น ด้านของโรงไฟฟ้า ได้รับสัญญาซื้อขายไฟเรียบร้อย ขณะนี้อยู่ในช่วงลงนามสัญญาว่าจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้า โดยมองว่าอีก 2 ปีข้างหน้าจะสามารถผลักดันรายได้ให้มีความยั่งยืนและแข็งแกร่ง โดยจะมองไปด้านของธุรกิจพลังงานสะอาด รวมถึงธุรกิจที่มีผลตอบแทนด้านของคาร์บอนเครดิตกลับมา

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่นๆ เข้ามาต่อเนื่องเกี่ยวข้องสร้างผลประโยชน์ให้กับทางด้านของกลุ่มลูกค้า PT MAX CARD มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านของการดูแลรักษารถยนต์ ไฟแนนซ์ ประกันภัย โดยยังอยู่ระหว่างศึกษาหาข้อมูลและร่วมมือกับพันธมิตรอยู่ตลอดเวลา ยังคงมุ่งหวังว่าอัตราส่วนของการทำกำไรในภาคระยะยาวต้องมากขึ้นกว่าเดิม

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2566)  บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและบริการ 50,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากรายได้ธุรกิจ Oil จำนวน 47,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ขณะที่รายได้ในส่วนในส่วนธุรกิจ Non-Oil จำนวน 3,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกปี 2566  มีรายได้รวม 101,738 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 19.3% จากปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 17.2% เป็น 95,255 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 400 ล้านบาท

Back to top button