ILINK มั่นใจ! ครึ่งปีหลังโตตามเป้า หนุนรายได้ปี 66 แตะ 2.7 พันล้าน
ILINK มั่นใจ ครึ่งปีหลังโตตามเป้า ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ-วิศวกรรมโครงการ-วิศวกรรมโครงการ โตเด่น และรับอานิสงส์จากงานใหม่ของ ITEL หนุนรายได้เพิ่มอีก 20-30% อาจช่วยขับเคลื่อนให้รายได้ปี 66 เติบโตกว่า 2.7 พันลบ.ตามเป้าหมาย
นาย สมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิว นิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจ ผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 22 ส.ค. 66 ว่า ภายในปีนี้ บริษัทฯจะสามารถกอบโกยรายได้ และทำกำไรทะลุเป้าหมาย รวมถึงมุ่งผลักดันพร้อมกับการปรับตัว ขับเคลื่อนให้ธุรกิจตอบรับทันกระแสเทรนเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีทิศทางเป้าหมายระยะยาว คือ การเติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน , คำนึงถึงคุณภาพ ราคาถูก และบริการลูกค้าที่ดี เป็นเข็มทิศที่ทำให้ธุรกิจเติบโต พร้อมทั้งตั้งเป้ารายได้ปี 66 อยู่ที่ 2.7 พันล้าน และกำไร Net Profit Margin (NPM) ไม่ต่ำกว่า 9% ซึ่งมีการประเมิณตั้งแต่ต้นปี
โดยธุรกิจกลุ่มวิศวกรรมโครงการ จะมีรายได้ 1.2 พันล้าน และกำไร NPM ต้องไม่น้อยกว่า 8% และกลุ่มโทรคมนาคมและดาต้าเซ็นเตอร์ ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 3.5 พันล้าน NPM ไม่ต่ำกว่า 9% ส่วนผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 7.4 พันล้าน โดยภายในครึ่งปีแรก สามารถทำรายได้ไปแล้ว 3 พันล้าน ประกอบด้วยธุรกิจวิศวกรรม ที่รับรู้รายได้ตามผลงาน ซึ่งบริษัทฯให้ความสำคัญกับNPM และมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตรายได้ถึงเป้าหมายและกำไรเพิ่มยิ่งขึ้น
ขณะที่ ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 66 เติบโตได้ต่อเนื่อง สาเหตุจากงานใหม่ที่ ITEL ได้รับความไว้วางใจจะสนับสนุนให้ผล และผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวม เติบโตได้ 20-30% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งยังทำให้งานในมือ (Backlog) เพิ่มมากขึ้น
อนึ่ง ก่อนหน้านี้บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ทำรายได้รวมครึ่งปีแรก 2,979.52 ล้านบาท มีกำไร 246.35 ล้านบาท พุ่งแรง 39.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมไตรมาส 2/66 รวม 1,344.45 ล้านบาท กำไร 118.89 ล้านบาท 29.94%
ซึ่งธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Distribution Business) ออกมาโดดเด่น มีรายได้รวมครึ่งปีแรก 1,346.28 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 122.42 ล้านบาท หรือ 10.00% มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 561.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.55 ล้านบาท หรือ 2.48%
เนื่องจาก ปัจจัยสนับสนุนยังคงมาจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีโครงข่ายพื้นฐาน โดยเฉพาะจากหมวดของสาย Solar ได้อานิสงส์จากตลาดที่โตขึ้น และคู่แข่งขัน (Phelps Dodge) ที่ผลิตสาย Solar ในประเทศไทยประสบปัญหา เนื่องจากบริษัทแม่ (STARK) เพิกถอนหลักทรัพย์ และบริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นผู้นำตลาดของระบบสายสัญญาณที่จำหน่ายในประเทศ ประกอบกับมูลค่าตลาดด้านเทคโนโลยี และการสื่อสารมีการเติบโต จึงส่งผลให้บริษัทฯ ยังคงมีการเติบโต และด้วยการมุ่งเป้าหมายให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ จะเห็นได้ว่า กำไรสุทธิมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สำหรับธุรกิจวิศวกรรมโครงการ (Turnkey Engineering Business) ทำรายได้รวม 445.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.18 ล้านบาท หรือ 16.85% เป็นผลจากรายได้ที่เติบโตของการทยอยรับรู้รายได้ จากงานโครงการของภาครัฐ และภาคเอกชนที่สำคัญ ๆ โดยมี ลูกค้าหลักรายใหญ่อยู่ในมือทั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รวมถึงบริษัทฯ มีนโยบายเติบโตแบบมีคุณภาพ โดยเน้นงานโครงการวิศวกรรมไฟฟ้าที่สามารถทำกำไรได้ไม่น้อยกว่าเกณฑ์ตามมาตรฐานใหม่ที่ตั้งไว้ จะเห็นได้ว่าแม้รายได้เป็นไปตามผลงานของไตรมาส 2/66 มีรายได้ 152.54 ล้านบาท มีกำไร 18.22 ล้านบาท แต่สามารถทำกำไรโตแรงถึง 40.72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ ธุรกิจโทรคมนาคมและดาต้าเซ็นเตอร์ (Telecom & Data Center Business) มีรายได้รวม 621.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.27 ล้านบาท หรือ 12.82% และมีกำไรสุทธิ 66.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.32 ล้านบาท หรือ 18.27% จากไตรมาส 1/66 ในไตรมาสนี้ธุรกิจให้บริการโครงข่าย รวมถึงมีลูกค้าขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเข้ามาใช้บริการโครงข่ายจำนวนมาก และการขยายสาขาของลูกค้าเดิมก็ช่วยผลักดันให้รายได้จากธุรกิจนี้เติบโตดีต่อเนื่อง ซึ่งได้อาศัยจุดแข็งจากโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของโครงข่ายที่เหนือระดับ ซึ่งล่าสุดคว้างานโครงการพัฒนาทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล ในภารกิจบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม กลุ่มที่ 5 (ภาคใต้) มูลค่า 297,208,550.00 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมทางสังคมที่ต้องให้เกิดความเท่าเทียมกันในพื้นที่ห่างไกลในด้านทักษะความรู้การเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างโอกาส และการพัฒนาศักยภาพให้กับประชาชน และผู้ด้อยโอกาสในสังคม เพื่อการดำเนินธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับสังคมที่ยั่งยืน ทำให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด สร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้า และสร้างรายได้เติบโตยิ่งขึ้น