IHL รุกธุรกิจใหม่เต็มสูบ ส่งซิก “เบาะหนังรถยนต์” ออเดอร์ทะลัก ดันรายได้ปีนี้ตามเป้า 10%
บมจ.อินเตอร์ไฮด์ (IHL) กางแผนธุรกิจครึ่งปีหลังลุยธุรกิจใหม่เต็มสูบ ทั้งขนมขบเคี้ยวสุนัข-ฟอกหนังรองเท้า-ผลิตหนังเฟอร์นิเจอร์ จ่อมีลูกค้าเพิ่ม ส่วนธุรกิจผลิตเบาะหนังรถยนต์ออเดอร์ไหลเข้าต่อเนื่อง มั่นใจสัดส่วนเติบโต 45-50% พร้อมคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย หวังดันผลงานปีนี้เติบโตตามเป้าหมาย 5-10%
นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) หรือ IHL เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2566 บริษัทฯ ปรับกลยุทธ์เดินหน้าขยายฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจใหม่ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ ธุรกิจขนมขบเคี้ยวสุนัข “MOMO & FRIENDS” ธุรกิจฟอกหนังรองเท้า และธุรกิจผลิตหนังเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติม
ขณะที่ธุรกิจผลิตเบาะหนังรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักยังมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากค่ายรถยนต์พันธมิตรรายใหญ่ ทั้ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัทฯ สามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็มกำลังการผลิต สอดคล้องกับยอดสั่งซื้อที่มีเข้ามาต่อเนื่อง ส่วนในกลุ่มรถยานยนต์ไฟฟ้าก็ยอมรับว่าการพูดคุยกันอยู่
“แนวโน้มผลงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ น่าจะมีทิศทางที่ดี เนื่องจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ เศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจน ประกอบกับบริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจใหม่เพิ่ม รวมทั้งมีแผนในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาโรงงานเพิ่มเติม เพื่อควบคุมต้นทุนในการผลิต จึงมั่นใจว่า ปัจจัยเหล่านี้จะสามารถช่วยสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 5-10%” นายองอาจกล่าว
ด้าน นายวศิน ดำรงสกุลวงษ์ กรรมการ และผู้จัดการทั่วไป IHL กล่าวว่า ล่าสุดบริษัท อินเตอร์กรีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้เริ่มส่งออกโปรตีนชนิดผง ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 20 ตัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะทยอยจัดส่งให้ครบตามสัญญา นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนว่าในอตนาคตจะขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก
สำหรับธุรกิจขนมขบเคี้ยวสุนัข ภายใต้แบรนด์ “MOMO & FRIENDS” มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการร่วมออกบูธในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน มีวางจำหน่ายใน ท็อปส์ มาร์เก็ต (Tops market) ทุกสาขา รวมทั้ง ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งเฟส, ไลน์, SHOPEE และ LAZADA นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการเจรจาทำสัญญาทางธุรกิจเพื่อนำผลิตภัณฑ์เข้าวางจำหน่ายในห้างโมเดิร์นเทรดเพิ่มเติม คาดว่า จะเห็นความชัดเจน 1-2 แห่ง ในปีนี้ พร้อมกันนี้ อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในการรับจ้างผลิต (OEM) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพิ่มเติมจากที่ส่งออกไปยังประเทศเกาหลี และมีการส่งออกในรูปแบบวัตถุดิบหนังวัวไปยังประเทศเวียดนาม และกัมพูชา
ส่วนธุรกิจฟอกหนังรองเท้า ปัจจุบันมีลูกค้า 5 รายหลัก เป็นลูกค้าจากฝั่งทวีปอเมริกาและยุโรป โดยมีสัดส่วนในการฟอกหนังรองเท้าที่เพิ่มขึ้น สามารถรับรู้รายได้ทันที สะท้อนถึงคุณภาพของสินค้าและบริการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในการสั่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น
ในส่วนของธุรกิจอาหารเสริมแบรนด์ “Chojen” (โชเจน) คอลลาเจน จากหนังวัว ของบริษัท อินเตอร์กรีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ผ่านช่องทางออนไลน์ มียอดขายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้ง มีการจำหน่ายในรูปแบบวัตถุดิบให้กับผู้ผลิตรายอื่นๆ
ขณะเดียวกัน ธุรกิจผลิตหนังเฟอร์นิเจอร์ ยังมีออเดอร์การรับจ้างผลิต ให้กับลูกค้ารายใหญ่และรายย่อย รวมถึงการผลิตภัณฑ์โซฟา ภายใต้แบรนด์ “ALEX” ซึ่งเป็นโซฟา ที่ผลิตจากหนังวัวคุณภาพพรีเมี่ยม ปัจจุบันมีโชว์รูมอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางนา ยังมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามจากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของพรรคเพื่อไทยนั้น ทางบริษัทก็แอบมีความกังวลอยู่บ้างหากมีการปรับขึ้นที่เดียวเพราะในปัจจุบันต้นทุนส่วนของพนังงานมีสัดส่วน 20% แต่ส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ได้ปรับค่าแรงขึ้นที่เดียว ไม่อย่างนั้นฟากฝั่งนายจ้างของทุกบริษัทได้รับผลกระทบกันหมด อย่างไรก็ตามบริษัทฯ เองเตรียมแผนรับมืออยู่แล้ว และทางบริษัทก็มีการครบคุมการทำงานของพนักงานให้มีการคุมค่ามากที่สุด
ทั้งนี้มีการวางเป้าสัดส่วนรายได้ของแต่ละกลุ่มธุรกิจในอนาคต อาทิ ธุรกิจเบาะหนังรถยนต์สัดส่วน 45-50%, ธุรกิจฟอกหนังรองเท้าสัดส่วน 15%, ธุรกิจรับจ้างผลิตสัดส่วน 10-15%, ธุรกิจผลิตหนังเฟอร์นิเจอร์สัดส่วน 3%, ธุรกิจขนมขบเคี้ยวสุนัขสัดส่วน 5% และกลุ่มธุรกิจในบริษัทย่อย อินเตอร์กรีนสัดส่วน 10%
อนึ่งภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2566 มีรายได้รวม 494.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.56% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 435.28 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4.16 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,006.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.49% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 911.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 17.83 ล้านบาท