ICHI อัพเป้ายอดขายปีนี้โต 20% จ่อเปิดตัว “ตันซันซู น้ำผึ้งมะนาว” ต.ค.นี้

ICHI ส่งซิกครึ่งปีหลังสดใส! รับออเดอร์ล่วงหน้าและอากาศร้อนต่อเนื่อง เตรียมเปิดตัวเครื่องใหม่ “ตันตันซู” ภายในเดือน ต.ค.นี้ พร้อมปรับราคายอดขายปี 66 โต 20% แตะ 7.6 พันล้านบาท พร้อมวางเป้า 3 ปียอดขายหมื่นล้านบาท


นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 24 ส.ค.66 ว่าแนวโน้มแนวโน้มครึ่งปีหลัง มองว่ายังคงส่งสัญญาณบวกจากตัวเลขออเดอร์ล่วงหน้า และอากาศที่ร้อนต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เอาใจผู้บริโภค โดยจะต่อยอดเครื่องดื่มน้ำอัดลมสไตล์เกาหลี น้องใหม่มาแรง “ตันซันซู” ออกรสชาติมหาชน “ตันซันซู น้ำผึ้งมะนาว” ภายในเดือนตุลาคม เพื่อเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนในการสร้างยอดขายรับตลาดน้ำอัดลมมีการเติบโตทัังในประเทศ และในตลาดโลก

โดยบริษัทสามารถปรับตัวจากสถานการณ์โควิดจนสร้างการเติบโตส่งสัญญาณบวกมาตั้งแต่ปี 2565-2566 มีการเติบโตระดับ 2 ดิจิต ติดต่อกันในแทบทุกด้าน ทั้งสินค้าเดิมไม่ว่าจะเป็นอิชิตัน กรีนที และเย็นเย็น ที่สามารถเข้าสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในโมเดิร์นเทรด และช่องทางร้านค้าปลีกอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถครอบคลุมช่องทางการจัดจำหน่ายทั่วประเทศอย่างทั่วถึง  สินค้าใหม่ที่เป็นกลุ่ม High Value เช่น อิชิตัน น้ำด่าง, ชาชิซึโอกะ และตันซันซู น้ำอัดลมสไตล์เกาหลี ติดตลาดและมีกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ชัดเจน จนสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 21.3% ในปี 2565

ขณะที่ล่าสุดมีการประกาศปรับเป้าหมายยอดขายเป็น 7,600 ล้านบาท ภายในปี 2566 คิดเป็นการเติบโต 20% ด้วยประสิทธิภาพการบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย ทำให้ปัจจุบันสินค้าอิชิตันได้รับความนิยมครอบคลุมทั่วประเทศ ด้านตลาดส่งออกมีทิศทางที่ดีด้วยการเติบโต 5.83% โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV และธุรกิจรับจ้างผลิต (Ichitan OEM Service) เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง มีลูกค้าพาร์ทเนอร์รายใหญ่ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี คาดว่าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ มองกลับมาที่ศักยภาพการผลิตปัจจุบันโรงงานอิชิตัน กรีน แฟคทอรี่ ใช้เทคโนโลยการผลิตแบบ High Tech-High Speed-Hygiene ใช้เทคโนโลยีผลิตเย็นแบบปลอดเชื้อที่ดีที่สุด สำหรับผลิตเครื่องดื่มในปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการผลิตระดับ 600-900 ขวด/นาที กำลังการผลิตรวมกำลังก้าวสู่ 1,700 ล้านขวดต่อปี ปัจจุบันใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เพิ่มขึ้นทะลุระดับ 70%

อนึ่ง ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 255.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.53% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 152.54 ล้านบาท เป็นผลมาจากมีรายได้จากการขาย 2,029.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 1,616.5 ล้านบาท โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 26.0% จากการเติบโตของกลุ่มตลาดชาพร้อมดื่มและสินค้าใหม่ ส่วนยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 22.5% จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า และการรับจ้างผลิตสินค้า(OEM)

ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 477.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 256.47 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุดของ Nielsen พบว่ารอบ 6 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่า 8,236 ล้านบาท เติบโตถึง 19.07%  และมองว่า ตลาดชาเขียวกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีความยั่งยืน จากตัวเลข 3 ปี ล่าสุด เป็นกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดเครื่องดื่มไทย เนื่องด้วยชาเขียวเป็นเครื่องดื่มในชีวิตประจำวัน ให้ความสดชื่นจากคาเฟอีนจากธรรมชาติและรสชาติถูกปากคนไทย  มีความหลากหลายสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม

Back to top button