CRC เปิดอาณาจักรแฟชั่น รุกธุรกิจแบรนด์ชั้นนำ หวังดันรายได้ปี 66 แตะหมื่นล้าน
CRC ส่งบริษัทย่อย CMG เปิดอาณาจักรแฟชั่นเติบโตแข็งแกร่ง พร้อมรุกธุรกิจแบรนด์ชั้นนำทะยานสู่เป้าหมาย 1 หมื่นล้าน ทำ “นิวไฮ” มากกว่า 16% โตต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้
นายเอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (CMG) ในเครือ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า ธุรกิจแฟชั่นแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่สำคัญของ CMG ทั้งในกลุ่มเครื่องแต่งกาย รองเท้า เครื่องประดับ และนาฬิกาที่มีการอัปเดตพอร์ตฟอลิโอและเทรนด์ของแบรนด์แฟชั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แบรนด์แฟชั่นเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคและสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าทุกกลุ่มได้ CMG จึงมองเห็นโอกาสที่จะต่อยอดธุรกิจให้เติบโตจากเทรนด์อุตสาหกรรมแฟชั่นที่ในปีนี้ยังคงเป็นเซกเมนต์ที่มีความต้องการสูงของตลาด
โดยปัจจุบันกลุ่มธุรกิจแบรนด์แฟชั่นเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดคิดเป็น 2 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมดของ CMG โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มธุรกิจแบรนด์แฟชั่นพรีเมียม รวมถึงแฟชั่นแนวสตรีทที่เน้นการสวมใส่สบายมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง เป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Z ประกอบกับพฤติกรรมคนไทยซึ่งเป็นผู้บริโภคที่มีความทันสมัยในเรื่องแฟชั่น (fashion-forward customers) มากที่สุดในเอเชีย
ดังนั้น CMG จึงมุ่งสร้างสรรค์ความแปลกใหม่ให้กับสินค้า เพื่อดึงดูดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าจำนวนมากทั้งจากไทยและจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คลั่งไคล้สินค้าแฟชั่น ให้เข้ามาจับจ่ายสินค้าในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น อันจะส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางแฟชั่นที่ได้รับการยอมรับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้าน นางสาวจิตรฤดี พนิตพล รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มสินค้าแฟชั่นและนาฬิกา บริษัท CMG กล่าวเสริมว่า ธุรกิจสินค้าแฟชั่น ถือเป็นธุรกิจหลักที่เป็นกำลังสำคัญของ CMG ด้วยสินค้ามากกว่า 20 แบรนด์ดังระดับโลก ครอบคลุมตั้งแต่ Luxury, Premium และ Mainstream segment จึงถือเป็นผู้นำเบอร์ 1 ในตลาดนี้ เพราะมีแบรนด์ในทุกกลุ่มเป้าหมายและครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ Polo Ralph Lauren, Emporio Armani, Calvin Klein, Guess, Tommy Hilfiger, Casio, MLB, A|X Armani Exchange, G2000, Lee, Wrangler, Jockey , John Henry, FitFlop, Skechers, Crocs และ Hush Puppies
นอกจากนี้ ยังมีความหลากหลายของสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคแล้ว CMG ยังมีจุดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นของแบรนด์ต่างๆ มากกว่า 1,900 จุด ซึ่งถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ CMG ทำนิวไฮเติบโตมากกว่า 16% ด้วยยอดขายตลอดช่วงเดือนม.ค. – ก.ค. 66 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 62 (ก่อนโควิด-19) และเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 34% เมื่อเทียบกับปี 65 และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยกลุ่มสินค้าที่มียอดขายสูงสุด คือ แบรนด์ในกลุ่มสินค้าพรีเมียม ที่เติบโตพุ่งทะยานมากถึง 131% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 และเติบโตขึ้น 49% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 65 ที่ผ่านมา
สำหรับความสำเร็จอย่างล้นหลามของธุรกิจสินค้าแฟชั่นของ CMG มาจากการบริหารจัดการแบรนด์ในพอร์ตฟอลิโออย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความสำคัญกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ในการร่วมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน พร้อมทั้งมุ่งเน้นการคัดสรรแบรนด์ใหม่ๆ มาเสริมในทุกไตรมาส เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตลอดจนการขยายกลุ่มประเภทของสินค้าให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
“ขณะที่การเพิ่มช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ CMG เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เช่น การเปิดเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของแต่ละแบรนด์, การสร้างร้านค้าบน Tiktok และการทำไลฟ์สตรีมมิ่งบนแพลตฟอร์มต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ คือ การพัฒนาพนักงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ CMG ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการสร้างวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรแบบคนรุ่นใหม่ให้เป็นศูนย์รวมของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อให้องค์กรได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างผู้นำและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นางสาวจิตรฤดี กล่าว
“ในฐานะที่ CMG คือ ผู้นำตลาดแฟชั่นรีเทลของประเทศไทย เราพร้อมส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้าในทุกช่องทาง และเตรียมรุกแคมเปญการตลาดในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเข้าแบรนด์ และเทรนด์แฟชั่นต่างๆ ด้วยพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งของ แบรนด์แฟชั่น รวมถึงแบรนด์ความงามและเทคโนโลยี เพื่อตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 แฟชั่นรีเทลที่ครองใจคนไทยอันเป็นที่รักของเรามาอย่างยาวนาน” นายเอ็ดวิน กล่าว