“ทริสเรทติ้ง” เคาะเรตติ้ง EASTW ระดับ A แนวโน้ม “คงที่”
EASTW เดินหน้าสร้างท่อส่งน้ำใหม่ยาว 136 กม. ยันเสร็จไม่เกินปลายปี 66 ฟาก ”ทริสเรทติ้ง” เคาะเรตติ้งระดับ A แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนสถานะที่แข็งแกร่งโครงข่ายท่อน้ำดิบที่ครอบคลุม 3 จังหวัดภาคตะวันออก
บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW ได้รับการจัดอันดับจากบริษัทจัดอันดับเครดิตองค์กรชื่อดังชั้นนำอย่าง “ทริสเรทติ้ง” ให้คงอันดับเครดิตอยู่ที่ระดับ A แนวโน้ม Stable หรือ คงที่ สะท้อนสถานะที่แข็งแกร่งของธุรกิจที่เป็นผู้บริหารจัดการน้ำที่มีโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบครอบคลุมพื้นที่ในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ตลอดจนบริการที่ไว้วางใจได้และประสบการณ์ที่ยาวนาน รวมถึงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัท
ทริสเรทติ้ง คาดการณ์ว่าจะมีการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงสำหรับธุรกิจน้ำดิบ หลังจากที่สัญญาเช่าท่อกรมธนารักษ์หมดอายุลงในเดือนธ.ค.66 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้ง เชื่อว่าบริษัทจะยังคงเป็นผู้ให้บริการน้ำดิบเจ้าหลักในเขต EEC ต่อไป โดยขณะนี้บริษัทกำลังก่อสร้างท่อส่งน้ำใหม่ที่มีความยาวทั้งสิ้น 136 กม.
โดยระบบท่อส่งน้ำใหม่ดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปลายปี 66 นี้ ดังนั้นคาดว่าสัญญาเช่าท่อส่งน้ำที่สิ้นสุดลงนั้นจะมีผลกระทบต่อบริษัทค่อนข้างน้อยเนื่องจากอุปสงค์น้ำดิบและน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นในเขต EEC ทั้งนี้ในระหว่างปี 67-68 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมที่รับน้ำจากท่อของกรมธนารักษ์เอาไว้ได้ในสัดส่วน 70%-80%
สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิต Stable หรือ คงที่ สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าการดำเนินธุรกิจของอีสท์ วอเตอร์จะยังคงมีความยืดหยุ่นและสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงจากลูกค้าปัจจุบันต่อไป จากความต้องการน้ำดิบและน้ำอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ EEC รวมทั้งบริษัทมีแผนจะจำหน่ายน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมให้มากขึ้นโดยให้สอดคล้องกับปริมาณที่มีอยู่แล้วกับลูกค้าตามสัญญา
นอกจากนี้ยังมีการลงทุนก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำทดแทนระบบเดิมที่เช่าจากกรมธนารักษ์ และลงทุนก่อสร้างท่อส่งน้ำใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของลูกค้าและเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งที่ยากจะคาดการณ์ โดยยังรวมถึงการก่อสร้างท่อส่งน้ำใหม่เพื่อเชื่อมต่อกับอ่างเก็บน้ำคลองหลวงซึ่งคาดว่าจะเพิ่มแหล่งน้ำที่ให้บริการแก่พื้นที่ในจังหวัดชลบุรีตั้งแต่ปี 66 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบท่อส่งน้ำในพื้นที่ EEC และมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการให้บริการน้ำครบวงจรด้วย