FTI ร่วมทุน “พันธมิตรจีน” ฉลุย เร่งผุดสาขาใหม่ 14 แห่ง ดันรายได้ปีนี้ทะลุ 800 ล้าน

ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTI เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2566 อยู่ที่ระดับ 800 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 15-20% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้ 700 ล้านบาท โดยบริษัทฯยังคงเดินหน้าในการขยายธุรกิจตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายในปีนี้ รวมถึงเป็นฐานในการเติบโตในปีถัด ๆ ไป

สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯมีแผนในการขยายร้าน Water Store ให้ครบ 24 สาขา จากในปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายแล้ว 22 สาขา ขยายกลุ่มลูกค้าขายส่งเพื่อผู้ประกอบอาชีพระบบกรองน้ำ และครัวเรือนทั่วไป

และขยายร้าน AQUATEK ให้ครบ 20 สาขา จากในปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายแล้ว 8 สาขา ขยายกลุ่มลูกค้าครัวเรือนที่มี Life Style ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่ง AQUATEK เจาะลูกค้ากลุ่ม Hi-end ทั้งการเลือกสินค้า และคุณภาพ

ขระเดียวกันก่อนหน้านี้บริษัทฯได้เปิดสาขาใหม่จำนวน 4 สาขาประกอบไปด้วย Aquatek Shop สาขาอุดรธานี ซึ่งเป็นแห่งแรกในจังหวัดอุดรธานี, Aquatek Shop สาขาปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา, Aquatek Shop สาขาติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี และ Water Store สาขาลำลูกกาคลอง 4 จังหวัดปทุมธานี โดยการขยายสาขาดังกล่าวจะช่วยเพิ่มช่องทางในการนำเสนอสินค้า ขยายพื้นที่การให้บริการ และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายของบริษัทฯให้เติบโตขึ้นในอนาคต

ขณะที่แผนในการศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วน และอุปกรณ์ระบบกรองน้ำของบริษัทฯมีความคืบหน้าตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสถานะในด้านต่าง ๆ ก่อนการเข้าลงทุน ได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง, เครื่องจักร, วัตถุดิบ, ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนงบประมาณที่จะต้องใช้ในการลงทุน ซึ่งหากผลการศึกษาพบว่ามีความเป็นไปได้ในการลงทุน บริษัทจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาการลงทุน และจะดำเนินการแจ้งความคืบหน้าต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป

“เรายังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนเพื่อให้ผลงานโดยรวมทั้งปีเข้าเป้า และเป็นฐานในการเติบโตในอนาคต ทั้งการขยายสาขาเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ส่วนการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่จะทำให้เราสามารถผลิตสินค้า พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้วยต้นทุนที่ต่ำลงแต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมถึงแผนในการศึกษาการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ก็มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องเป็นที่น่าพอใจ” ดร.วิกร กล่าว

สำหรับแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วน และอุปกรณ์ระบบกรองน้ำ โดยเบื้องต้นคาดเป็นการ่วมทุน(JV) 2-3 ราย โดยบริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 200 ล้านบาท ซึ่งมาจากเงินระดมทุนจากการขาย IPO โดยพื้นที่ตั้งโรงงานอยู่บนพื้นที่ EEC จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยคาดว่าแผนดังกล่าวจะออกมาชัดเจนอีกครั้งกลางปีหน้า

ส่วนกรณีบริษัทฯจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศไทยจำนวน 3 บริษัท โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรจีนที่เป็น Suppliers เจ้าใหญ่จากประเทศจีน จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1. NANFANG PUMP INDUSTRY CO., LTD. หรือ CNP ผู้ผลิตปั๊มน้ำระดับโลก รองรับภาคอุตสาหกรรม การเดินเรือ อาคารสูง และในครัวเรือน และ 2. WENZHOU RUNXIN MANUFACTURING MACHINE CO., LTD หรือ RUNXIN ผู้ผลิตหัววาล์วออโต้เมติก หัววาล์วแมนนวลและเครื่องทำน้ำอุ่นหรือ Softtener ที่รองรับการใช้งานทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และในครัวเรือน

และ 3. VONTRON TECHNOLOGY CO.,LTD หรือ VONTRON ผู้ผลิตเมมเบรนระดับโลกสำหรับใช้กับระบบกรองน้ำ Reverse Osmosis มีเมมเบรนที่รองรับการผลิตน้ำเป็นจำนวนมาก รองรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมถึงการใช้ในครัวเรือน ซึ่งเมมเบรน VONTRON ยังมีความสามารถในการกรองน้ำทะเลได้อีกด้วยซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก

โดยการร่วมทุนครั้งนี้ใช้แหล่งเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯโดยบริษัทถือหุ้นสัดส่วน 51% และพันธมิตรจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 3 รายถือหุ้นสัดส่วน 49% โดยงบลงทุนในการจัดตั้งทั้ง 3 บริษัทอยู่ที่ 15 ล้านบาท คาดในเดือนกันยายนี้จะเริ่มเปิดโรงงาน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมียอดผลิตอยู่ที่ราว 1-3 หมื่นชิ้นต่อเดือน และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามหลังจากการจัดตั้งบริษัทย่อยทั้ง 3 บริษัทจะส่งผลให้บริษัทฯมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง, เพิ่มทักษะและประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต และเพิ่มการเติบโตในการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

ล่าสุด FTI ได้ยกทัพสินค้าเกี่ยวกับระบบน้ำ ทั้งเครื่องกรองน้ำ ปั้ม วาล์ว softener และ เมมเบรน มานำเสนอเพื่อขยายฐานผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรที่เป็น Suppliers เจ้าใหญ่จากประเทศจีน 3 ราย มาแสดงในงาน Thai water Expo 2023 ที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันที่ 30 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน 2566 ณ​ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นี้