TOP โบรกชี้ “น้ำมันรั่ว” กระทบมูลค่าทรัพย์สินน้อย แนะซื้อเป้า 61 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 3 ก.ย.66 ทาง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ประสบเหตุน้ำมันรั่วที่จุดจอดเรือทุ่นเดี่ยว (SBM-2) ซึ่งสถานการณ์ว่าได้รับการควบคุมแล้ว และหยุดการรั่วไหลได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังคงมีการประเมินปริมาณน้ำมันที่รั่ว โดยการประมาณการเบื้องต้นคาดว่าน้ำมันรั่วอยู่ในช่วง 5 หมื่นลิตร ถึง 1 แสนลิตร ซึ่งครอบคลุมระยะทางประมาณ 5 กม. (ซึ่งอยู่นอกพื้นที่กักกันเพียง 1.6 กม.)

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด  ระบุว่า ไม่คาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อการดำเนินงานของโรงกลั่น โดยฝ่ายบริหารไม่ได้คาดการณ์ว่าการใช้งานจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญในขั้นตอนนี้ ปัจจุบัน TOP ถือครองสินค้าคงคลังน้ำมันดิบประมาณหนึ่งเดือน นอกจากนี้ TOP ยังมีทางเลือกหลายทางในการขนส่งสินค้าน้ำมันดิบ รวมถึงการใช้หน่วย SBM-1 ที่เล็กกว่า (แต่อาจต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล), การใช้ประโยชน์จากโรงงานของ PTT , หรือการโอนลงเรือขนาดเล็ก (lightering) ในมาเลเซีย

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับการรั่วไหลของน้ำมัน SPRC ในเดือนมกราคม 2565 ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 1.8 พันล้าน หากทางฝ่ายวิจัยสมมติช่วงค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกันสำหรับ TOP โดยประเมินว่าเหตุการณ์นี้อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ประมาณ 0.7 บาท/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมีความคุ้มครองประกันภัยต่างๆ ที่สามารถชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ได้ ในส่วนของต้นทุนการดำเนินงานที่อาจเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการถ่ายโอนน้ำมันดิบ (lightering) ส่วนการวิเคราะห์ความอ่อนไหวทางฝ่ายวิจัยระบุว่าทุก 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลของค่าการกลั่น (GRM) ที่ลดลง ผลกระทบต่อกำไรสุทธิโดยประมาณจะอยู่ที่ประมาณ 3.1 พันล้านบาท คิดเป็น 28% ของปี 2567 และ 1.1 บาทต่อหุ้น NAV

ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” TOP โดยให้มูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 61.00 บาท (อิงจาก PB เป้าหมายกลางปี 2567 ที่ 0.8 เท่า) แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นและเป็นอุปสรรคต่อ TOP แต่ดูเหมือนว่าผลกระทบจากการดำเนินงานจะมีจำกัด ซึ่งความเสี่ยงที่สำคัญได้แก่ ความผันผวนของอัตรากำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์การกลั่น และการใช้กาลังการผลิตที่ต่ำกว่าที่คาดไว้