TMI บวกแรง 6% แย้มครึ่งหลังโตต่อ จ่อขาย “คาร์บอนเครดิต” 9 หมื่นตัน ต.ค.นี้

TMI บวกแรง 6% แย้มครึ่งปีหลัง 66 โตต่อ จ่อขาย “คาร์บอนเครดิต” โรงไฟฟ้าสุพรรณบุรี 92,000 ตัน/ปี ต.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ก.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI ล่าสุด ณ เวลา 11:15 น. อยู่ที่ระดับ 1.72 บาท บวก 0.09 บาท หรือ 5.52% สูงสุดที่ระดับ 1.78 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37.26 ล้านบาท

ด้านนายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ TMI เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 3/66 ธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิต 3 เมกะวัตต์ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี สามารถบริหารจัดการในส่วนของ “คาร์บอนเครดิต” คิดเป็นหน่วยในการจัดจำหน่ายได้ราว 92,000 ตันต่อปี

ขณะนี้อยู่ระหว่างรอทางสหภาพยุโรปบังคับใช้กฎระเบียบ CBAM ที่จะประกาศในเดือนต.ค. 66 โดยบริษัทฯ พร้อมจำหน่ายคาร์บอนเครดิตตั้งแต่เดือนต.ค. 66 เป็นต้นไป ซึ่งหากขายได้ จะมีการรับรู้รายได้เข้ามาทันที ส่งผลให้เพิ่มยอดขาย และทำกำไรปี 66 ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

อนึ่งก่อนหน้านี้ด้านภาพรวมธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่างยังเติบโต โดยมีโอกาสการเข้ารับงานใหม่จากการเข้าร่วมประมูลโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าที่จะเติบโตอย่างชัดเจน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิต 3 เมกะวัตต์ (MW) จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 ของบริษัท หากสามารถเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตได้ 100%  ก็จะทำให้บริษัทมีปริมาณขายคาร์บอนเครดิตเพิ่มเป็น 9 หมื่นตัน

โดยคาดว่าจะเริ่มขายได้ในช่วงไตรมาส 4/2566 และสามารถรับรู้รายได้ทันที ส่งผลให้รายได้ของบริษัทในปีนี้ทำนิวไฮเติบโต 15-20% ตามเป้าหมาย และในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ เพื่อเพิ่มสัดส่วนคาร์บอนเครดิต

“ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ทางธุรกิจที่บริษัทกำหนดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การมองหาโอกาสขยายธุรกิจและการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะการก้าวสู่ธุรกิจให้บริการด้านคาร์บอนเครดิต จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างรายได้ให้แข็งแกร่งและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนแก่ธุรกิจในอนาคต” นายธีระชัย กล่าว

Back to top button