โบรกคัด 9 หุ้นรับ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ชู CPAXT-JMT-BE8 เด่น
“บล.กรุงศรี พัฒนสิน” มองนโยบาย “ดิจิทัล วอลเล็ต” ของเพื่อไทยเป็นบวกต่อ 9 หุ้นในกลุ่มค้าปลีก-เช่าซื้อ และดิจิทัล ฟาก BOT คาดส่งผลบวกต่อ GDP ได้ราว 3%
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ มองนโยบาย “ดิจิทัล วอลเล็ต” ของพรรคเพื่อไทย ที่สนับสนุนเงินดิจิทัลแก่ประชาชนคนละ 10,000 บาท รวมจำนวน 54.5 ล้านคน โดยจะใช้เม็ดเงินราว 5.45 แสนล้านบาท หรือ 3% ของ GDP ปี 66 ไทยที่ 18.17 ล้านล้านบาท และมาตรการดังกล่าวคาดจะเริ่มได้เดือน ก.พ. 67
โดยกรณีดังกล่าว คาดจะส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกอิงฐานราก อาทิ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME, บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL, บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP
กลุ่มเช่าซื้อ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC
กลุ่มดิจิทัล บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
ทั้งนี้ ในส่วนของแหล่งเงินทุน หากรัฐบาลก่อหนี้มายังสามารถทำได้ โดย Public Debt ต่อ GDP ณ เดือน ก.ค. อยู่ที่ 61.7% ของ GDP จะเพิ่มสู่ระดับไม่เกิน 65% ไม่เกินเพดานตามกรอบวินัยการเงินการคลังที่ 70%
อย่างไรก็ตาม ประเทศพัฒนาที่เคยใช้นโยบายกระตุ้นบริโภค อาทิ สหรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจสำเร็จมาแล้ว อิงช่วงโควิด-19 ที่มีการแจกจ่ายให้กับประชาชนอเมริกันโดยตรง 1,400 เหรียญต่อคน วงเงินรวม 4 แสนล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 1.9% ของ GDP หนุนภาคการบริโภคที่ไตรมาส 2/63 ลดลง 8.9% จากปีก่อน และหนุนให้ช่วงไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4/63 หดตัวลดลงเหลือเพียง -0.65% จากปีก่อน และลดลง 0.23% จากปีก่อน ตามลำดับ พร้อมประเมินมาตรการ Digital Wallet มีโอกาสสร้างวงจรดังกล่าวต่อไทยเช่นกัน
ด้าน BOT ประเมินมาตรการดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อ GDP ได้ราว 3% จากคาดการณ์ GDP ปี 67 ของไทยปัจจุบันที่ราว 3.6% ขึ้นมาเป็น 6.6% และสูงเป็นลำดับต้นของโลก และเป็นฐานที่ดีในการต่อยอดขับเคลื่อน GDP ไทยเติบโตปีละ 5% ขึ้นไปคาดจะสร้างความเชื่อมั่น ฟันด์โฟลด์ต่างชาติที่ลดการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไปมากกลับเข้ามาลงทุนหุ้นไทยอีกครั้ง