เปิดโผ 12 หุ้น ราคาพุ่งแรงเกิน 50% รอบ 8 เดือนแรกปี 66

เปิดโผ 12 หุ้น ราคาพุ่งแรงเกิน 50% รอบ 8 เดือนแรกปี 66 ฟากโบรกมอง SAPPE-SISB-ICHI-MOSHI มีโอกาสไปต่อด้วยผลดำเนินงานปีนี้เติบโตแข็งแกร่งแถมยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย


สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในช่วง 8 เดือนแรกปี 2566 ภาพรวมแกว่งตัวในลักษณะไซด์เวย์ดาวน์ โดย ณ สิ้นสุดวันที่ 30 ธ.ค. 2565 ปิดที่ระดับ 1,668.66 จุด จนมาถึงวันที่ 31 ส.ค. 2566 ปิดที่ระดับ 1,565.94 จุด ปรับตัวลดลง 102.72 จุด หรือลงไป 6.16%

สำหรับการปรับตัวลงของดัชนีช่วงดังกล่าว ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงเทขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่สลับขนาดกลางออกมาด้วยแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติเป็นหลักที่ขายสุทธิ 135,197.62 ล้านบาท รวมด้วยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) เล็กน้อยจำนวนขายสุทธิ 592.05 ล้านบาท

ส่วนของนักลงทุนสถาบัน (กองทุน) ซื้อสุทธิ 55,488.43 ล้านบาท และนักลงทุนภายในประเทศ (รายย่อย) ซื้อสุทธิ 80,301.24 ล้านบาท แต่การเข้าซื้อดังกล่าวส่วนใหญ่เลือกเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน พร้อมกับเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี

ทั้งนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมข้อมูลในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแข็งแกร่งกว่า 50% ในรอบ 8 เดือนแรกปี 2566 และสามารถชนะดัชนีอีกด้วย ได้แก่ SKY, M-CHAI, BTNC, SAPPE, SISB, TRC, KAMART, S&J, SYMC, Q-CON, ICHI และ MOSHI เป็นต้น

บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2565 ที่ระดับ 12.70 บาท ขณะที่ราคาปิดวันที่ 31 ส.ค. 2566 ที่ระดับ 35.25 บาท บวกไป 22.55 บาท หรือขึ้นไป 177.56%

บริษัท โรงพยาบาลมหาชัย จำกัด (มหาชน) หรือ M-CHAI โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2565 ที่ระดับ 305.00 บาท ขณะที่ราคาปิดวันที่ 31 ส.ค. 2566 ที่ระดับ 754.00 บาท บวกไป 449.00 บาท หรือขึ้นไป 147.21%

บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BTNC โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2565 ที่ระดับ 16.10 บาท ขณะที่ราคาปิดวันที่ 31 ส.ค. 2566 ที่ระดับ 37.75 บาท บวกไป 21.65 บาท หรือขึ้นไป 134.47%

บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2565 ที่ระดับ 44.25 บาท ขณะที่ราคาปิดวันที่ 31 ส.ค. 2566 ที่ระดับ 100.00 บาท บวกไป 55.75 บาท หรือขึ้นไป 125.99%

สำหรับข้อมูลราคาหุ้นตัวอื่นดูจากตารางประกอบ

นอกจากนี้ประเมินว่าหุ้นในตารางจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกจากปัจจัยบวกอย่างเช่นหุ้น บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE  ทางบล.ดาโอ ระบุว่า คาดกำไรสุทธิครึ่งหลังปี 2566 จะขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน และจากครึ่งปีแรก จากรายได้ที่ขยายตัวจากฤดูร้อนของยุโรปและเอเชียที่ร้อนกว่าปกติ demand ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ขยายตัวจากต้นทุนพลังงานและ packaging ที่ปรับตัวลดลง

สำหรับปี 2566 คงประมาณการกำไรสุทธิที่ 1,221 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และปี 2567 ประเมินกำไรสุทธิที่ 1,480 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน หนุนโดย 1) รายได้รวมที่เติบโตต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน จากการเพิ่มกาลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน โดยจะเพิ่มไลน์ Beverage อีก 1 ไลน์ ตั้งแต่ปลายไตรมาส 1/2567 ด้านรายได้ต่างประเทศเพิ่มจากการขยาย coverage ในโซนยุโรป, อเมริกา และ Middle East และ 2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก utilization rate ที่ดีขึ้น, คาดต้นทุน packaging และพลังงานปรับตัวลดลง ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” SAPPE ราคาเป้าหมาย 120.00 บาท

บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB ทางบล.ทิสโก้ ระบุว่า คาดกำไรครึ่งหลังปี 2566 จะเพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งมาจากรายได้กิจกรรมหลังเรียนพิเศษช่วงเย็นจะกลับมาปกติ ในส่วนค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงานสาขาใหม่และค่าเสื่อมการเปิดสาขาใหม่จะมีเพิ่มในครึ่งหลังปี 2566

อย่างไรก็ตาม คาดจะชดเชยกับรายได้จากจานวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าได้ โดยในไตรมาส 3/2566 คาดจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นจากช่วงเปิดเทอมและเริ่มเปิดสาขาใหม่นนทบุรีและระยอง และคาดกำไรไตรมาส 4/2566 จะเพิ่มขึ้นมากสุดในปีจากการรับรู้ค่าเทอมนักเรียนใหม่เต็มไตรมาส

ทั้งนี้ยังคงประมาณการเดิมคาดกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 761ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 106% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน  และปี 2567 อยู่ที่ 1,153 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน  ปัจจัยบวกคือ 1) ผู้ปกครองในประเทศปัจจุบันที่ใส่ใจต่อการศึกษาให้บุตรเรียนหลักสูตรภาษาอินเตอร์มากขึ้น 2) นโยบายของประเทศจีนที่ลดความสำคัญของภาษาอังกฤษส่งผลต่อนักเรียนจีนมาต่อประเทศไทยมากขึ้น

อย่างไรก็ตามคาดผลประกอบการปีนี้เติบโตและการเปิดสาขาใหม่นนทบุรีและระยองและแผนขยายสาขาเดิมรองรับนักเรียนมัธยมเพิ่มขึ้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 46.25 บาท

บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ทางบล.ทิสโก้ ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2566 คาดกำไรเติบโตต่อเนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสินค้าใหม่และช่วงฤดูร้อนที่ยาวนานและค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลงประมาณ 30 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน และครึ่งหลังปี 2566  อัตราการใช้กำลังการผลิตคาด 75% จากไตรมาส 2/2566 ที่ 70% คาดอัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นจากกาลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนแพคเกจจิ้งที่ลดลง

นอกจากนี้ ปรับประมาณการกำไรปี 2566-2567 เพิ่มขึ้นจากเดิม ปีละ 12% โดยคาดปี 2566 กำไรสุทธิอยู่ที่ 983 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน  และปี 2567 อยู่ที่ 1,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน จากคาดรายได้ปี 2566-2567 เพิ่มขึ้น 20% และ 13% จากธุรกิจเครื่องดื่ม RTD tea และ Non-tea ที่มีการออกสินค้าใหม่เน้นกลุ่ม healthy trend รวมถึงธุรกิจรับจ้างผลิตที่เพิ่มขึ้น คาดอัตรามาร์จิ้นดีขึ้นจากกาลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายการตลาดคาดเพิ่มขึ้นจากการออกสินค้าใหม่ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 19.00 บาท

บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI ทาง บล.ทิสโก้ ระบุว่า คาดจะเห็นการเติบโตที่ดีจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนในไตรมาส 4/2566 จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเทศกาล อาทิ ลอยกระทง วันคริสมาสต์และปีใหม่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการสินค้า ด้วยผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 169 ล้านบาท (93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน) และคิดเป็น 49% ของประมาณการทั้งปี

ดังนั้น ยังคงประมาณการผลประกอบการโดยคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนมา และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 มาที่ 468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสม 60 บาท

Back to top button