“เจ๊แอน” โร่แจงถูก “ฟอร์ซเซลล์” ยันคงถือ 38% หลังรับโอนโดยเสน่หา 77 ล้านหุ้น
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ โร่แจงโดน “ฟอร์ซเซลล์” ยันถือหุ้น JKN เพิ่มเป็น 38% ทั้งหมด 392 ล้านหุ้น พร้อมกล่าวยังรับโอนหุ้นโดยเสน่หาเพิ่มกว่า 77 ล้านหุ้นเข้าพอร์ตอีกด้วย และมีแผนแก้ปัญหาหุ้นกู้แล้ว วอนนักลงทุนอย่าเชื่อเฟคนิวส์
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า บริษัทได้แจ้ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เมื่อวานนี้ว่ามีรายการขายหุ้นและรับโอนหุ้นหลายรายการ โดยรายการขายหุ้นดังกล่าว มาจากบัญชี มาร์จิ้น ถูกฟอร์ซเซลล์ หรือบังคับขาย เนื่องจากราคาหุ้นตกแรงกว่า 50% ใน 2 วัน แต่ทางบริษัทได้รับโอนหุ้น JKN เข้ามาเพิ่ม 77 ล้านหุ้น ทำให้แอนจักรพงษ์ ถือหุ้น JKN ทั้งหมดเพิ่มเป็น 392,287,682 หุ้น คิดเป็น 38% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดอันดับ 1 เหมือนเดิม
“ทั้งนี้ ยืนยันว่า ยังยืดหยัดบริหาร JKN และ ยังถือครองหุ้น JKN กว่า 38% ส่วนเรื่องหุ้นกู้นั้น บริษัทฯ JKN มีแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้วโดยได้ปรึกษาที่ปรึกษากฎหมายและ บริษัทผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย อีกทั้งจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น JKN239A ในวันที่ 27 กันยายนนี้ เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ จึงอยากขอให้ผู้ถือหุ้นกู้ และนักลงทุนอย่าได้หลงเชื่อข่าวลือ หรือข่าวปลอมต่างๆ และ ขอให้เช็คข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์และ กลต. หรือ ติดต่อที่บริษัทฯเพื่อสอบถามทุกเวลา อย่างไรก็ตามบริษัทมีเจตนาที่จะดูแลเงินลงทุนและผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างจริงใจ” นายจักรพงษ์ กล่าว
ขณะเดียวกันข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตามแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ระบุว่า นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ (เจ๊แอน) แจ้งว่าเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 66 ได้มีการรับโอนหุ้นโดยเสน่หาจำนวน 30 ล้านหุ้น สัดส่วน 2.9078% ส่งผลให้หลังจากถือหุ้นจำนวน 437.35 ล้านหุ้น สัดส่วน 42.3915% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 407.35 ล้านหุ้น สัดส่วน 39.4837%
ต่อมามีการแจงการจำหน่ายหุ้นออกมาในวันที่ 1 ก.ย. 66 ผ่าน บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท หลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และ บริษัท หลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นการขายโดยบัญชีมาร์จิ้นออกมาจำนวน 92.03 ล้านหุ้น สัดส่วน 8.9200% ส่งผลให้หลังจากขายถือหุ้นจำนวน 345.32 ล้านบาท สัดส่วน 33.4715% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท
ขณะที่เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 66 ได้รับแจ้งต่อว่าได้มีการรับโอนหุ้นโดยเสน่หาเอามาจำนวน 47 ล้านหุ้น สัดส่วน 4.5556% ส่งผลให้หลังจากได้มาถือหุ้นจำนวน 392.29 ล้านหุ้น สัดส่วน 38.0235% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท
โดยจากกรณี JKN แจ้งเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2566 ว่า บริษัทผิดนัดชำระหุ้นกู้รุ่น JKN239A เป็นเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งสิ้น 609.98 ล้านบาท โดยบริษัทจะชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยรวม 156.60 ล้านบาท ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ (1 ก.ย.66) และคงเหลือยอดค้างชำระจำนวน 443.40 ล้านบาท ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นอย่างหนัก เนื่องจากกังวลว่าบริษัทจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด และล่าสุดมีการรายงานว่าบริษัทส่อผิดนัดชำระหุ้นกู้อีกหลายรุ่นตามมา
ด้านผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกัน (31 ส.ค.66) นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN และนางสาวพิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ กรรมการ ได้เทขายหุ้นออกมาเกือบ 100 ล้านหุ้น เช่นกัน
โดยจากข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบ 59) ประจำวันที่ 6 ก.ย. 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) พบว่า นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ได้รายงานการขายหุ้น JKN เมื่อวันที่ 1 ก.ย.66 จำนวน 92.02 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.27 บาท คิดเป็นมูลค่า 116.87 ล้านบาท และวันที่ 4 ก.ย.66 ได้ขายหุ้นอีก 36,800 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.07 บาท คิดเป็นมูลค่า 39,376 บาท และรับโอนหุ้นจำนวน 47 ล้านหุ้นเมื่อวันที่ 5ก.ย.66
ขณะที่นางสาว พิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ ได้รายงานการขายหุ้น JKN เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 จำนวน 7.26 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.62 บาท คิดเป็นมูลค่า 11.76 ล้านบาท และนาย จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ เข้ารับโอนหุ้นในวันเดียวกันจำนวน 30 ล้านหุ้น