GFC ขายไอพีโอเกลี้ยง 60 ล้านหุ้น ลั่นระฆังเทรด 13 ก.ย.นี้
GFC ปิดจองซื้อหุ้น IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น สะท้อนความเชื่อมั่นในการเป็นหุ้นน้ำดีรับเมกะเทรนด์ภาวะมีบุตรยาก เตรียมเทรดกระดาน mai 13 ก.ย.นี้ นำเงินระดมทุน 420 ล้านบาท เสริมแกร่งด้านฐานเงินทุนสู่การขยายต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
กลุ่มผู้บริหาร บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC นำโดย รศ.นพ.พิทักษ์ เลาห์เกริกเกียรติ ประธานกรรมการบริษัท, นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ รองประธานกรรมการบริษัท และ นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพและการเติบโตของ GFC สะท้อนถึงการจองซื้อหุ้น IPO ในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ ส่งผลให้บริษัทฯสามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้
โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จำนวน 420 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปขยายการลงทุนโครงการคลินิกสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 เพื่อเพิ่มศักยภาพและยกระดับการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างให้คลินิกสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของกรุงเทพฯ สำหรับการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยาก
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนโครงการคลินิกสาขาอุบลราชธานี เพื่อขยายฐานการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากไปยังกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแผนการขยายการลงทุนดังกล่าว ถือเป็นยุทธ์ศาสตร์การกระจายความเสี่ยงของรายได้ ที่ไม่อยู่ในกรุงเทพฯเพียงอย่างเดียว เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงมีแผนขยายพื้นที่ในการให้บริการของกลุ่มบริษัท ให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีศักยภาพทั่วประเทศมากขึ้น ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะสร้าง New S-Curve การเติบโตให้ GFC ในอนาคต สอดรับวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสะท้อนถึงการเติบโตอย่างมั่นคง (Growth Stock) โดยมีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 40 % ของกำไรสุทธิ
โดยสิ่งที่ตอกย้ำถึงกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนคือ การที่ GFC เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งแต่ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตลอดจนการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ซึ่งถือเป็นธุรกิจประเภทกิจการสำหรับผู้มีบุตรยากรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นหุ้นเมกะเทรนด์ทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้บุตรยาก
ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มบริษัท GFC ให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยาก ผ่าน 5 กลุ่มการให้บริการ ได้แก่ 1. การให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา 2. การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI 3. การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI 4. การให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน (NGS) และ 5. การให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่
โดยเป็นการสอดรับนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐที่ผลักดันให้ไทยเป็น Medical Hub มีเป้าหมายในการพัฒนาให้กลายเป็น ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub) ศูนย์กลางบริการสุขภาพ (Medical Service Hub) ศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย (Academic Hub) และศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Product Hub) จากปัจจัยดังกล่าวจึงสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน เนื่องจากจะเป็นการส่งผลเชิงบวกต่อการเข้ารับการรักษาของผู้มีบุตรยากของ GFC
ด้าน นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ GFC เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรกในวันที่ 13 ก.ย.นี้ หลังจากประสบความสำเร็จในการจองซื้อหุ้น จำนวน 60 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 4-6 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจเฉพาะทางด้านการให้บริการทางการแพทย์ ของ GFC ที่จะสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต สอดรับกับดีมานด์ของจำนวนผู้มีบุตรยากที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งคนไทยและต่างชาติ
ดังนั้นการกำหนดราคา IPO ที่ระดับ 7.00 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 21.17 เท่า เมื่อเทียบกับ P/E กลุ่มที่ระดับ 31.32 เท่า ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจึงตอบรับความต้องการของกลุ่มนักลงทุน
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การที่หุ้น IPO GFC ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ผ่านการจองซื้อหุ้นอย่างล้นหลามและไม่เพียงพอต่อความต้องการ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในฐานะการเป็นหนึ่งในธุรกิจรักษาผู้มีบุตรยากแบบเฉพาะทางรายแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
พร้อมทั้งยังสามารถการันตีความสำเร็จจากกลุ่มผู้ที่เข้ารับการรักษาการมีบุตรยาก โดยพิสูจน์จากอัตราความสำเร็จ (Success Rate) ที่ GFC มีเป็นเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จในการรักษาการตั้งครรภ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยสูงสุดถึง 72.29%
อย่างไรก็ตาม ด้วยจุดแข็งของ GFC ในการเป็นศูนย์รวมแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีชั้นนำด้านการเจริญพันธุ์ เพื่อผู้หญิงยุคใหม่ และคู่สมรสที่ปรารถนาอยากมีบุตรที่สมบูรณ์ จากแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชและเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่มีประสบการณ์ด้านการให้บริการทางการแพทย์ผู้มีปัญหามีบุตรยากมากกว่า 23 ปี จะเป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของ GFC ที่จะต่อยอดความแข็งแกร่งของผลการดำเนินงานในอนาคต
ดังนั้นเชื่อว่า GFC จะเป็นหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ GFC จะขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง ยิ่งเป็นการสร้าง New S-Curve ให้กับบริษัทฯในอนาคต