สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 ก.ย.2566
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 ก.ย.2566
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (7 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดในแดนลบ โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิ้ล หลังมีรายงานเกี่ยวกับการควบคุมการใช้โทรศัพท์ iPhone ในจีน นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,500.73 จุด เพิ่มขึ้น 57.54 จุด หรือ +0.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,451.14 จุด ลดลง 14.34 จุด หรือ -0.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,748.83 จุด ลดลง 123.64 จุด หรือ -0.89%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (7 ก.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มผลิตชิปร่วงลงจากรายงานที่ว่า จีนได้เพิ่มการควบคุมการใช้โทรศัพท์ไอโฟนของแอปเปิ้ลของเจ้าหน้าที่รัฐบาล และหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 453.67 จุด ลดลง 0.63 จุด หรือ -0.14%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,196.10 จุด เพิ่มขึ้น 2.01 จุด หรือ +0.03%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,718.66 จุด ลดลง 22.71 จุด หรือ -0.14% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,441.72 จุด เพิ่มขึ้น 15.58 จุด หรือ +0.21%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพฤหัสบดี (7 ก.ย.) จากแรงช้อนซื้อหุ้นหลังตลาดปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วัน แต่ข้อมูลการค้าที่อ่อนแอของจีนในเดือนส.ค.กดดันหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ซึ่งสกัดแรงบวกของตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,441.72 จุด เพิ่มขึ้น 15.58 จุด หรือ +0.21%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (7 ก.ย.) ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 90 ดอลลาร์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันอ่อนแอลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 67 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 86.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 68 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 89.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพฤหัสบดี (7 ก.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และความกังวลว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,942.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 26.30 เซนต์ หรือ 1.12% ปิดที่ 23.24 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 5.70 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 909.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.30 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,215 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (7 ก.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.19% แตะที่ระดับ 105.0588
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8928 ฟรังก์ จากระดับ 0.8915 ฟรังก์ในวันพุธ (6 ก.ย.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3682 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3653 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 11.1429 โครนา จากระดับ 11.1229 โครนา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 147.1700 เยน จากระดับ 147.6910 เยน
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0695 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0725 ดอลลาร์ในวันพุธ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2470 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2505 ดอลลาร์