BBIK โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 160 บ. ชี้งานประมูลฟื้นหนุน “แบ็กล็อก-กำไร” ครึ่งปีหลังโตเด่น
BBIK โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 160 บาท ชี้งานประมูลในช่วงไตรมาส 3/2566 กลับมาขึ้นจะช่วยหนุน backlog และกำไรไตรมาส 3-4 จะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และยังคงประมาณการกำไรปกติปี 66 อยู่ที่ 270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น103% เทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเป็นบวกต่อ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK จาก SET OpportunityDay (8 ก.ย.66) โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) backlog ณ 30 มิ.ย. 2566 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 789 ล้านบาท (31 มี.ค. 2566 อยู่ที่ 745 ล้านบาท) โดยจะรับรู้รายได้ในปี 2566 จำนวน 494 ล้านบาท ขณะที่หากรวม backlog จาก JV ที่ส่วนใหญ่มาจาก ORBIT อีก 190 ล้านบาท จะทำให้มี backlog รวมที่ 979 ล้านบาท
2) แนวโน้มงานประมูลในไตรมาส 3/2566 กลับมาดีขึ้นมากกว่าปกติเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 ที่ลูกค้าที่เป็นภาคเอกชนส่วนใหญ่รอดูความชัดเจนจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะช่วยเสริม backlog และการรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/2566 และไตรมาส 4/2566 ให้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
3) ตั้งเป้าจำนวนพนักงานสิ้นปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 950-1,000 คน จากปัจจุบันมีพนักงานรวม 900 คน เพิ่มจากต้นปี 2566 ที่ 850 คน
4) effective tax rate มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจากครึ่งแรกของปี 2566 ที่ 10% โดยปัจจุบันทุกธุรกิจเดิมของ BBIK ได้รับ BOI ทั้งหมดแล้ว โดยปัจจุบันมีการขอยื่น BOI เพิ่มทั้ง VDD, TITANS, Innoviz และ NEXUS ซึ่งหากได้ BOI ครบทั้งหมดจะทำให้ effective tax rate ลดลงใกล้เคียง 5% ภายในปี 2568
5) ยังคงตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 5 เท่า (เทียบกับรายได้ปี 2565 ที่ 564 ล้านบาท) หรือมากกว่า 2 พันล้านบาท ภายในปี 2568 โดยจะมีจาก 1) การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศเป็นหลัก ซึ่งในปี 2565 ธุรกิจของ BBIK ยังเล็กกว่ารายใหญ่สุดถึง 15 เท่า ทำให้ยังมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก, 2) การขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นทั้งในเอเชีย, ยุโปร และสหรัฐ และ 3) การเพิ่ม service+ product ใหม่ๆ รวมถึงยังคงแผนเติบโต inorganic จากการทำ M&A
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 อยู่ที่ 270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน เติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง โดยกำไรครึ่งแรกของปี 2566 จะคิดเป็น 46% จากทั้งปี สำหรับกำไรไตรมาส 3/2566 ถึงไตรมาส 4/2566 จะดีขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจาก 1) จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากการรับงานใหม่เพิ่มขึ้น โดยยังคงได้อานิสงส์จาก 2 บริษัทใหม่ และการขยายต่างไปต่างประเทศมากขึ้น ยังประเมินรายได้ทั้งปี 2566 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 131% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน
2) ส่วนแบ่งกำไรจาก ORBIT จะยังคงดีขึ้นจากการส่งมอบงานได้เพิ่มขึ้น โดยประเมินส่วนแบ่งกำไรที่ 37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และ 3) SG&A/sales จะลดลงจากไตรมาส 2/2566 ที่มีค่าใช้จ่ายในการเปิดบริษัทใหม่ราว 5 ล้านบาท ขณะที่ BBIK ยังอยู่ระหว่างการศึกษาดีล M&A อยู่หลายดีล
ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” คงราคาเป้าหมายที่ 160.00 บาท โดยยังมี key catalyst จาก backlog ที่สูง และงานประมูลในช่วงไตรมาส 3/2566 กลับมาขึ้นจะช่วยหนุน backlog และกำไรไตรมาส 3/2566 ถึงไตรมาส 4/2566 จะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง รวมถึงกำไรในปี 2567 ยังมีโอกาส upside ได้อีก หากดีล M&A ใหม่ประสบความสำเร็จ