GFC เร่งขยาย 2 สาขา ยกระดับทีมแพทย์-นวัตกรรม หนุนเติบโตมั่นคง

GFC เทรดวันแรกคึกคักตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน เร่งขยายสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 และสาขาอุบลราชธานี จ่อเปิดให้บริการไตรมาส 1/67 เล็งต่อยอดฐานลูกค้าในประเทศ และต่างชาติเพิ่ม สู่การสร้าง New S-Curve ในอนาคต


บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC เข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการเป็นวันแรก โดยเปิดที่ระดับราคา 10.70 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 3.70 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 52.86% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 7 บาท

ด้านทีมคณะผู้บริหาร GFC นำโดย รศ.นพ.พิทักษ์ เลาห์เกริกเกียรติ ประธานกรรมการบริษัท, นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ รองประธานกรรมการบริษัท และ นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายของ GFC วันนี้ ทางบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่มีเชื่อมั่นต่อพื้นฐานของธุรกิจ จนส่งผลให้ราคาหุ้นสามารถยืนเหนือที่ระดับ 10.70 บาท จากราคา IPO 7 บาท

โดยความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันธุรกิจสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสอดรับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯที่วางไว้ ภายใต้การมุ่งมั่นและเติมเต็มความฝัน ของทุกครอบครัวให้เป็นจริง โดย GFC ให้บริการที่ครอบคลุม และตอบโจทย์การรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก สำหรับลูกค้าของกลุ่มบริษัทฯ

ประกอบด้วย กลุ่มลูกค้าผู้ที่วางแผนการมีบุตรในอนาคต, กลุ่มลูกค้าคู่สมรสคนไทยที่สนใจอยากมีบุตร, กลุ่มลูกค้าคู่สมรสคนไทยกับชาวต่างชาติที่สนใจอยากมีบุตร และกลุ่มลูกค้าคู่สมรสชาวต่างชาติ ที่สนใจอยากมีบุตร ผ่านธุรกิจการให้บริการ ได้แก่ 1) การให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา 2) การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI 3) การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI 4) การให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน NGS) และ 5) การให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่

ทั้งนี้ จากอัตราผู้เข้ารับการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯมีแผนระดมทุน สู่การเดินหน้าขยายการลงทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพ และยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ สำหรับผู้มีบุตรยากครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น ผ่านแผนขยายการลงทุนสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแลนด์มาร์ค ที่สำคัญของกรุงเทพฯ สำหรับการให้บริการโดยเฉพาะทางการแพทย์ของผู้มีบุตรยาก รวมถึงขยายการลงทุนไปยัง คลินิกสาขาอุบลราชธานี เพื่อขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนการลงทุนในสาขาย่อยอื่น ๆ ตามพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีศักยภาพและมีฐานลูกค้าผู้มีบุตรยาก

เพื่อต่อยอดพื้นที่การให้บริการเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการเพิ่มศูนย์ฝึกอบรม นักเทคนิคการแพทย์ ให้สอดคล้องกับการขยายตัวของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายตัว สำหรับรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เข้ารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยากทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติในอนาคต

สำหรับโครงการสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 และ คลินิกสาขาอุบลราชธานี เบื้องต้นบริษัทฯคาดว่า จะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยาก ภายในไตรมาส1/2567 นี้ พร้อมทั้งคาดว่า จะสามารถทยอยรับรู้รายได้จาการให้บริการเข้ามาทันที ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะสร้าง New S-Curve ให้ GFC เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

“ตลอดระยะในการดำเนินธุรกิจ GFC เรามุ่งมั่นในการเป็นผู้ให้บริการด้านทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งแต่ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตลอดจนการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยทีมแพทย์ ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวช และเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ ที่มีประสบการณ์ด้านการให้บริการทางการแพทย์ สำหรับผู้มีบุตรยากมากกว่า 23 ปี นักเทคนิคการแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เพื่อผู้หญิงยุคใหม่ และคู่สมรสที่ปรารถนาอยากมีบุตรที่สมบูรณ์ ทำให้วันนี้ GFC ได้รับความไว้วางใจ และความเชื่อมั่น ในการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของครอบครัวที่เข้ารับการรักษาผู้มีบุตรยาก ซึ่งความสำเร็จดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงเปอร์เซ็นต์ ของ Success Rate ในการรักษาการตั้งครรภ์ ที่สูงถึง 72.29% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม” 

ด้าน นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินว่า GFC เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่มีศักยภาพ มีโครงสร้างรายได้ที่มั่นคง และฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ทั้งนี้หัวใจ สำคัญของGFC คือการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการแพทย์ สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากที่ครอบคลุมทุกมิติ

เนื่องจากธุรกิจนี้เป็นธุรกิจเฉพาะทาง จึงจำเป็นต้องมีทีมแพทย์ นักเทคนิคการแพทย์ ที่มีความรู้ความชำนาญการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ โดยกลุ่มบริษัท เริ่มมีการนำเทคโนโลยี Early Embryo Viability Assessment (EEVA) ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ ระบบ AI มาช่วยในการประเมินคุณภาพของตัวอ่อนเป็นที่แรกในประเทศไทย ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งลูกค้าสูงสุด และยังส่งผลต่อการเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการมีบุตรให้มากที่สุด จึงทำให้กลุ่มบริษัทเป็นที่ยอมรับ และได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และความสำเร็จในการให้บริการ

GFC มุ่งเน้นพัฒนาบุคลากร เพื่อยกระดับเป็นผู้นำด้านการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พร้อมด้วยนักเทคนิคการแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์ ชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน โดยกลุ่มบริษัทมีนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการด้านการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่ได้รับรองการเป็นนักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อน จากสมาคมนักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อนไทย และด้าน CLINICAL EMBRYOLOGY CERTIFICATION จากสมาคมด้านการเจริญพันธุ์และการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแห่งยุโรป (ESHRE: European Society of Human Reproduction and Embryology) ซึ่งในปัจจุบันนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีนักวิทยาศาสตร์ที่สอบผ่านการรับรอง ESHRE จำนวน 2 ราย ในขณะที่ประเทศไทยมีเพียง 53 ราย” นายเอกจักร กล่าว

จากสำเร็จดังกล่าว สะท้อนถึงผลการดำเนินงาน GFC ที่มีอัตราการเติบโตของรายได้โตเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 13.37% โดยกลุ่มบริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการในปี 2563 – ปี 2565 และงวด 6 เดือนปี 2566 เท่ากับ 214.42 ล้านบาท 242.12 ล้านบาท และ 275.91 ล้านบาท และ 166.95 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับรายได้จากการให้บริการของกลุ่มบริษัทฯ มาจากการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI เป็นรายได้หลัก ขณะที่กำไรสุทธิ ปี 2563-2565 และงวด 6 เดือนปี 2566 เท่ากับ 66.55 ล้านบาท 69.63 ล้านบาท 65.68 ล้านบาท และ 34.33 ล้านบาท ตามลำดับ อีกทั้ง อัตราส่วน ROE และอัตราส่วน ROA สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 72.29%

อย่างไรก็ตาม ด้วยศักยภาพการขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทฯ ยิ่งตอกย้ำ ให้เห็นว่า GFC เป็นหุ้นที่น่าลงทุน และสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ GFC ขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง ยิ่งเป็นการสร้าง New S-Curve ให้กับบริษัทฯในอนาคต ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่า หุ้น GFC จะเป็นหุ้นที่มีคุณภาพอีกหนึ่งตัวสำหรับนักลงทุนในตลาดทุนไทย ซึ่งจัดอยู่ในประเภทหุ้น Growth Stock ที่สามารถสร้างผลตอบแทน และสร้างการเติบโตให้บริษัทฯอย่างมั่นคงและยั่งยืน

Back to top button