COCOCO เทรดคึก! แตะเป้า 14.40 บ. โบรกชี้กำไรเฉลี่ย 4 ปี โต 40%
COCOCO ลงสนามเทรด SET วันนี้วันแรก ลุ้นวิ่งแตะเป้า 14.40 บาท ด้านโบรกประเมินกำไรปี 65-68 โตเฉลี่ย 39.50% รวมถึงยอดขายคาดเติบโตเฉลี่ยสูง 26.30% ได้แรงหนุนขยายกำลังผลิตน้ำมะพร้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (13 ก.ย.66) หลักทรัพย์ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ในวันที่ 14 กันยายน 2566
โดยบริษัทมีทุนชำระแล้วหลังการเสนอขาย IPO 735 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,100 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) 370 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 4 – 6 กันยายน 2566 ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 2,035 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 8,085 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 22 เท่า พิจารณาจากกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญหลังเสนอขาย (fully diluted) โดยมีบริษัท ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญร่วม
สำหรับบริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวและผลไม้ เช่น กะทิบรรจุกระป๋อง กะทิบรรจุกล่อง ยูเอชที (UHT) กะทิพาสเจอไรซ์น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋อง น้ำมะพร้าวกล่องยูเอชที (UHT) น้ำมะพร้าวพาสเจอไรซ์ ขนมมะพร้าว และอาหารสำเร็จรูป ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco และ Cocoburi รวมถึงผลิตสินค้าเพื่อการอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกเพื่อสุขภาพสำหรับสุนัขและแมวภายใต้ตราสินค้า Moochie โดยสินค้าทั้งสองประเภทมีทั้งแบบ การจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเอง และการรับจ้างผลิตสินค้า (Original Equipment Manufacturer หรือ OEM) ซึ่งจัดจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตและจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพจากโปรตีนพืช รวมถึงผลิตภัณฑ์ชีสและเนยประเภทต่างๆ ที่ทำจากพืชอีกด้วย
ด้าน ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่ COCOCO ผู้ผลิต-จำหน่าย และส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายใหญ่ของไทย กล่าวว่า บริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันพรุ่งนี้ (14 กันยายน 2566) เป็นวันแรกในหมวดธุรกิจ อาหารและเครื่องดื่ม โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโต และฐานการเงินแข็งแกร่ง
สำหรับจุดเด่นของ คือ การเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่าย ส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าว ที่วางจำหน่ายใน 90 ประเทศทั่วโลก ที่มีโรงงานอยู่ใน จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นทำเลทองของมะพร้าวน้ำหอมที่อร่อยและมีชื่อเสียงอันดับ 1 ของประเทศไทย มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,130.45 ล้านบาท จากไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 859.20 ล้านบาท และในงวดไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 130.99 ล้านบาท จากไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 66.90 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 6 เดือน มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,992.20 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 197.89 ล้านบาท
นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน COCOCO กล่าวว่า มั่นใจว่าบริษัทจะเป็นหุ้นน้องใหม่ใน SET ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลากว่า 15 ปี ซึ่งสะท้อนมายังอัตรากำไรสุทธิ 3 ปีย้อนหลัง สูงขึ้นทุกปี โดยปี 2563 อยู่ที่ 2.29% ปี 2564 อยู่ที่ 6.95% ปี 2565 อยู่ที่ 8.94% ไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 7.79% และในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 11.59% สะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้จุดเด่นบริษัทที่ทำเลที่ตั้งโรงงานอยู่ใน จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมที่มีชื่อเสียงสูงสุดของประเทศไทย ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ COCOCO มีคุณภาพสูง และได้รับความนิยมจากประชาชนผู้บริโภคกว่า 90 ประเทศทั่วโลก และมีศักยภาพสูงในการขยายตลาดเพิ่มขึ้นในอนาคต ล่าสุดกำลังอยู่ในระหว่างลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมะพร้าว เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นายชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriters) COCOCO เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวเพื่อการส่งออก การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพฐานทุนให้แข็งแกร่ง และต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดีขึ้น รวมทั้งเพิ่มปริมาณการผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนมาก ทั้งลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ มั่นใจว่าบริษัทจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เห็นได้จากการกระจายหุ้น IPO จำนวน 370 ล้านหุ้น ราคา IPO ที่ 5.50 บาท มีนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปให้ความสนใจเข้าจองซื้อหุ้นจำนวนมาก เป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจของบริษัท และมองเห็นศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะความสามารถในการกระจายสินค้าไปได้กว่า 90 ประเทศทั่วโลก และจะขยายต่อไปได้อีกในอนาคตอันใกล้นี้
ขณะที่ นางสาวออมสิน ศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม COCOCO กล่าวว่า การเข้าระดมทุนใน SET ของบริษัทจะทำให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายในด้าน
1.ใช้ขยายกำลังการผลิต ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว (COCOCO) โดยซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อผลิตน้ำมะพร้าว เพื่อขยายกำลังผลิตน้ำมะพร้าวจากประมาณ 110,000 ตัน/ปี เป็น 218,000 ตัน/ปี รวมถึงขยายคลังสินค้าเพื่อรองรับการจัดเก็บผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว
2.ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายประเภทสินค้าในผลิตภัณฑ์ขนมกินเล่นของสุนัขและแมว
3.ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายประเภทสินค้าในผลิตภัณฑ์ไอศกรีม
4.ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินของบริษัทฯ และบริษัทย่อย
5.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ (Working Capital) สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และบริษัทย่อย
โดยเชื่อมั่นว่านักลงทุนจะให้การตอบรับที่ดี และสนับสนุนให้ COCOCO ก้าวสู่การเป็นบริษัทฯ ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายใหญ่ของประเทศไทย ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วโลก ที่มีการเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน
ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ราคาพื้นฐานปี 67 ที่ 14.40 บาท/หุ้น โดยมองว่าการเพิ่มทุนขยายกำลังการผลิตน้ำมะพร้าวเป็นหลัก ทำให้รายได้หลักในอนาคตเปลี่ยนจากธุรกิจอาหาร เป็นธุรกิจเครื่องดื่ม สร้างรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าเดิม วัตถุดิบหลักที่ทำจากมะพร้าว มีคู่แข่งน้อยราย หากเทียบกับความต้องการของโลกประมาณการกำไรปี 66 อยู่ที่ 601 ล้านบาท เติบโต 58.9% และในปี 67 คาดกำไรเติบโตอยู่ที่ 1,076 ล้านบาท เติบโต 79% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมายพื้นฐาน 12.50 บาท มองว่า COCOCO เป็นผู้นำผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวครบวงจร โดยมีกลุ่มสินค้าหลัก กะทิ และน้ำมะพร้าว มีฐานลูกค้ากว่า 90 ประเทศทั่วโลก มีจุดเด่นด้านภูมิศาสตร์แหล่งวัตถุดิบมะพร้าว ประกอบกับการรุกตลาดน้ำมะพร้าวจีนในปัจจุบันที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
โดยประกอบกับการเข้าระดมทุน IPO ช่วยเสริมความสามารถเติบโต คาดกำไรปี 65-68 เติบโตสูง 38.9% ต่อปี ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 12.50 บาท อิง Forward PE ปี 67 ที่ 26.4 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มค้าปลีก พร้อมประเมินกำไรปี 65-68 เติบโตสูง 38.9% ต่อปี หนุนจากยอดขายรวมที่คาดเติบโตสูง 26.3% ต่อปีในปี 65-68 ภายใต้สมมติฐานการขยายกำลังผลิตน้ำมะพร้าวเป็น 1.10 ในปี 66 และในปี 67 ขยายกำลังผลิตเป็น 2.18 ส่วนในปี 68 ขยายกำลังผลิตเป็น 2.18 แสนตันต่อปี จากปี 65 อยู่ที่ 0.33 แสนตันต่อปี และอัตราการใช้โรงงานน้ำมะพร้าวในปี 66 อยู่ที่ 75% ส่วนปี 67 อยู่ที่ 60% ถัดมาในปี 68 อยู่ที่ 65%
ทั้งนี้ ประกอบกับ GPM ที่จะยกระดับ ขึ้นมาอยู่ราว 25.3-25.5% ในปี 66-68 จากฐานยอดขายหนุน economy of scale ภาพรวมคาดหนุนการเติบโตกำไร 38.9% ต่อปี
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าเหมาะสม จากการเติบโตและอัตรากำไรที่สูง ให้ราคาเป้าหมาย 13.20 บาท ให้ P/E ปี 67 ที่ 24 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของคู่แข่งในประเทศที่ 24 เท่า จากการเติบโตกำไรสุทธิที่แข็งแกร่ง เห็นได้ชัดของธุรกิจมะพร้าวผ่านอัตรากำไรที่ดีขึ้น จากกลยุทธ์การเติบโตของน้ำมะพร้าวและการขยายกำลังผลิตอย่างทันท่วงที
โดยมองว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ของบริษัทจากการเติบโตจากกะทิเป็นน้ำมะพร้าว ทำให้การประเมินมูลค่าดีขึ้นเนื่องจากขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้น และอัตรากำไรที่สูงขึ้น ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เทียบกับอุตสาหกรรมวัตถุดิบ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 2.5 เท่า หรือในปี 66-68 เติบโตเฉลี่ย 36% ต่อปี โดยได้แรงหนุนจากการขยายกำลังการผลิตน้ำมะพร้าว การกระจายกลุ่มธุรกิจไปสู่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์จากพืช และอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากประโยชน์การลดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วย และการมีสินค้าที่หลากหลายขึ้น จากกะทิสู่น้ำมะพร้าวพร้อมดื่ม