MILL ส่ง “เวสท์เทค” จับมือพันธมิตรรุก “โรงไฟฟ้าขยะ” จ่อเข้า SET ปีหน้า

MILL ส่ง “เวสท์เทค” จับมือบริษัทพันธมิตร ขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ต่อยอดธุรกิจกำจัดซากรถยนต์-ไซเคิลครบวงจร พร้อมเดินหน้ายกระดับสู่กลุ่มธุรกิจ ESG จ่อเซ็นสัญญาซื้อขายไฟกับกฟภ. ชูแนวทางบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมตามหลัก Zero waste เตรียมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 67


นายทวันทว์ บุณยะวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวสท์เทค เอ็กโพเนนเชียล จำกัด หรือ WTX ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงาน โดยจับมือกับพันธมิตรในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 2 โครงการ ภายใต้บริษัทร่วมทุน โดยมีขนาด 9.5 เมกกะวัตต์ ทั้งสองโครงการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) นอกจากนี้ก็มีแผนที่จะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 1 แห่ง ขนาด 9.5 เมกกะวัตต์

โดยการที่บริษัทรุกเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม นอกจากจะเป็นการต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจหลักคือ ธุรกิจกำจัดซากรถยนต์และรีไซเคิลครบวงจรแล้ว ยังถือเป็นการยกระดับธุรกิจในกลุ่มให้มีการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Environmental, Social, Governance: ESG) นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมองค์กรให้มีความแข็งแกร่งทั้งภาพรวมธุรกิจ และผลประกอบการ เพื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตามเป้าหมายในปี 67

ทั้งนี้ โครงสร้างธุรกิจของกลุ่มเวสท์เทคฯ ประกอบด้วย 1.ธุรกิจกำจัดซากรถยนต์เก่า 2.ธุรกิจรีไซเคิลครบวงจร 3.กลุ่มธุรกิจ ESG  ในส่วนของธุรกิจกำจัดซากรถยนต์เก่านั้น ได้มีการนำเข้าซากรถยนต์เก่าจากประเทศเกาหลี ออสเตรเลียและญี่ปุ่นเข้ามาทำลายซากแบบครบวงจร ด้วยกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศไทย และได้รับการยอมรับจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศว่ามีประสิทธิภาพในการคัดแยกวัสดุ ก่อนที่จะนำไปสู่กระบวนการหลอม เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ถือเป็นนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม

ส่วนธุรกิจรีไซเคิลครบวงจรนั้น  บริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้าง จากปัจจุบันบริษัทได้ให้บริการรีไซเคิลขยะอุตสาหกรรม ในอนาคตจะขยายไปสู่การรีไซเคิลขยะอิเล็คทรอนิกส์  โดยตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทชั้นนำธุรกิจรีไซเคิลอย่างครบวงจร ในการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มตามหลัก Zero waste ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมาก ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน หรือ ESG  Business   จะเป็นการลงทุนในกลุ่มโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม และขยะชุมชน รวมถึง กลุ่มพลังงานหมุนเวียน เช่น โรงไฟฟ้าชีวมวลและ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น

Back to top button