5 หุ้นกลุ่ม SET50 บวกสวนดัชนีร่วงเกือบ 9 จุด! COM7 แกร่งสุดวิ่ง 2%

COM7-HMPRO-KBANK-KTB-LH ราคาหุ้นบวกสวนดัชนีขาลง นักลงทุนเข้าเก็งกำไรหลังมีปัจจัยบวก มั่นใจครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ก.ย. 66) ณ ช่วงเวลา 10:09 น. พบว่ามีหุ้นกลุ่ม SET50 จำนวน 5 บริษัท ราคาหุ้นบวกสวนตลาดหุ้นไทยจากปรับตัวลงเกือบ 9 จุด นำโดย บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ราคาหุ้นอยู่ที่ 32.50 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.56% สูงสุดที่ระดับ 32.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 32.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41.51 ล้านบาท

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ HMPRO  ราคาหุ้นอยู่ที่ 13.20 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.76% สูงสุดที่ระดับ 13.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 61.60 ล้านบาท

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ราคาหุ้นอยู่ที่ 127.50 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 0.39% สูงสุดที่ระดับ 127.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 126.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 148.46 ล้านบาท

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ราคาหุ้นอยู่ที่ 18.70 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.54% สูงสุดที่ระดับ 18.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 165.95 ล้านบาท

บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ราคาหุ้นอยู่ที่ 8.10 บาท บวก 0.05บาท หรือ 0.62% สูงสุดที่ระดับ 8.10บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52.45 ล้านบาท

บล.เมย์แบงก์ แนะนำ “ซื้อ” COM7 ราคาเป้าหมาย 37.00 บาท เนื่องจากแนวโน้มกาไรเติบโตแข็งแกร่งในครึ่งหลังปี 66 และยังมี upside ต่อประมาณการกาไรจากการขายรถยนต์  โดยคาดว่ากำไรหลักจะเพิ่มขึ้นจาก 729 ล้านบาทในไตรมาส 2/66 เป็น 821 ล้านบาทในไตรมาส 3/66 และ 1.0 พันล้านบาทในไตรมาส 4/66 ผลจากการขยายสาขาและการเปิดตัวสมาร์ทโฟน เราคาดการณ์รายได้ในช่วงปี 65-68 ที่ 16% CAGR เนื่องจากคาดว่าบริษัทจะเดินหน้าชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากผู้ประกอบการรายเล็กที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์

ขณะที่คาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 821 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน และเพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน โดยมาจากรายได้ 1.77 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน ซึ่งได้แรงหนุนจากการขยายสาขาและการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Android ยี่ห้อต่างๆ

นอกจากนี้เรายังคาดว่าการตั้งสารองหนี้เสียของ UFund (สินเชื่อสาหรับผลิตภัณฑ์ Apple) จะลดลงจาก 44 ล้านบาทในไตรมาส 2/66 เป็น 20 ล้านบาทในไตรมาส 3/66 เนื่องจาก NPL ลดลงต่ำกว่า 4% นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 66 ส่วนแนวโน้มกำไรหลักไตรมาส 4/66 น่าจะอยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน และเพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อน จากการเปิดตัว iPhone15 และ Apple Watch ช่วงกลางเดือน ก.ย

Back to top button