BGRIM เตรียมปรับโครงสร้าง! เดินหน้าบรรลุกำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์

ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิงจากสำนักข่าว บลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะตัดขายพอร์ตโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมในประเทศไทยมีมูลค่ารวมถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7.25 หมื่นล้านบาท

โดยการตัดขายพอร์ตโรงไฟฟ้าอาจทำให้ BGRIM ได้เงินมาราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับสัดส่วนที่ขายออกไป หากคิดเป็นเงินไทยราว 1.81- 3.62 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ BGRIM กำลังหารือกับที่ปรึกษา เพื่อหาผู้ที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งมีทั้งบริษัทโรงไฟฟ้าในส่วนภูมิภาค และบริษัทเอกชนนอกตลาด รวมถึงกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นการเจราจากับบริษัทต่างๆ ได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวที่เปิดเผยกับสำนักข่าว บลูมเบิร์กว่า การตัดขายพอร์ตโรงไฟฟ้าBGRIM อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในการพิจารณาขั้นต้นเพียงเท่านั้น

ทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจ” สอบถามแหล่งข่าววงการพลังงาน ถึงความเป็นไปได้ของกรณีข้างต้น ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่า บริษัทฯ อาจมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยที่ผ่านมาพบว่า BGRIM ดำเนินการขยายการผลิตไฟฟ้าพลังทดแทนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  ซึ่งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติถือเป็นธุรกิจดังเดิมและแน่นนอนว่าโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติของ BGRIM ส่วนใหญ่จะเป็นในส่วนของ SPP ทำให้มีความเสี่ยงที่ต้องแบกรับต้นทุนอยู่ อีกทั้งเมื่อรัฐบาลมีมาตรการลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน บริษัทย่อมได้รับผลกระทบมาร์จิ้นลดลง

ดังนั้น หาก BGRIM ขายพอร์ตโรงไฟฟ้ามูลค่ารวม 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐออกมา ถือเป็นการลดภาระให้กับ BGRIM ซึ่งรูปแบบการขายจะเป็นการขายเข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรืออีกทางเลือกหนึ่งอาจขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่มั่นคง เนื่องจากโรงไฟฟ้าให้ผลแทนที่เติบโตสม่ำเสมอ

ขณะที่งบการเงินในปี 2565 พบว่า มูลค่าทรัพย์สินของโรงไฟฟ้าและสายส่งบางส่วนอยู่ที่ 78,200 ล้านบาท นับว่าสอดคล้องกับข่าวที่รายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ซึ่งมีสัดส่วนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติประมาณ 60,000 ล้านบาท และในส่วนที่เหลือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน

นอกจากนี้ แหล่งข่าวกล่าวอีกว่าแผนปรับพอร์ตโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติของ BGRIM อยู่ในแผนการปรับโครงสร้างกับการหาพาทเนอร์มาร่วมลงทุนก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เพื่อเดินหน้าบรรลุกำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและการโอกาสเติบโตในอนาคต รวมถึงผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้น