NER แย้มครึ่งหลังโตต่อ ปรับแผนเลี่ยง “เอลนีโญ่” เลื่อนขายยางแท่งไปปี 67

NER กางแผนเลื่อนขยายผลิตยางแท่งไปปี 67 หลังเผชิญเอลนีโญ่ มั่นใจครึ่งปีหลัง 66 โตต่อ รับอานิสงส์ราคายางปรับตัวดีขึ้น รวมถึงรับกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน พร้อมตุนเงินชำระหุ้นกู้ 1.3 พันล้านบาทเรียบร้อย


นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า บริษัทเลื่อนแผนลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตยางอัดแท่งอีกประมาณ 172,800 ตันออกไปเป็นปี 67 หลังจากปีนี้ได้ตัดสินใจชะลอการลงทุนออกไป เนื่องจากขณะนี้เกิดปรากฎการณ์เอลนีโญ่ จึงไม่จำเป็นต้องเร่งแผนงาน โดยเตรียมพร้อมเงินลงทุนราว 700 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตยางอัดแท่งเพิ่มเป็น 568,400 ตัน และกำลังการผลิตยางในภาพรวมเพิ่มเป็น 688,400 ตัน จากปีก่อน 515,600 ตัน เพื่อรองรับกับคำสั่งซื้อที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ คาดจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก รับอานิสงค์ราคายางปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายในไตรมาส 4/66 ไปจนถึงไตรมาส 1/67 โดยราคายางที่ปรับตัวขึ้นมาเป็นผลมาจากปรากฎการณ์เอลนีโญ่ที่ทำให้ปริมาณน้ำยางน้อยลง ทำให้ตลาดล่วงหน้าหลายตลาดขยับราคาขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อจากจีนอย่างต่อเนื่อง จากกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเข้ามามากกว่าปีที่แล้วกว่าเท่าตัว รวมถึงยังตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าจากอินเดียอีก 1 ราย จากปัจจุบันมีอยู่ 1 ราย ทำให้มั่นใจว่าปริมาณขายสินค้าที่ 500,000 ตันในปี 66 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ขณะที่บริษัทยังได้วางแผนรับมือกับปรากฎการณ์เอลนีโญ่ผ่านการใช้ระบบ Matching Order หรือซื้อสินค้าและขายออกเอาไว้เพื่อรอส่งมอบ ทำให้จะไม่มีปัญหากับการขาดแคลนวัตถุดิบที่จะผลิตส่งมอบให้กับลูกค้า แต่หากเอลนีโญ่ส่งผลกระทบรุนแรงก็ประเมินว่าอาจกระทบต่อยอดขายในปี 67 แผ่วลงราว 10-15% จากวัตถุดิบที่มีน้อยลง แต่ขณะเดียวกันก็จะทำให้บริษัทมี Net margin ที่ดีขึ้น

“ยืนยันว่าสภาวะขาดแคลนน้ำจะไม่กระทบต่อการขายในปีนี้ เนื่องจากเรามีสินค้ารอส่งมอบเรียบร้อยแล้ว ส่วนปีหน้าต้องของรอดูจากนี้ไปอีก 2 เดือน ว่าปริมาณน้ำฝนที่มีจะมีผลกระทบต่อปริมาณยางที่กรีดได้หรือไม่ “ นายชูวิทย์ กล่าว

ทั้งนี้ หุ้นกู้จำนวน 1,300 ล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในเดือนต.ค. 66 บริษัทฯ ได้เตรียมเงินรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าจะไม่เกิดปัญหาผิดนัดชำระหุ้นกู้ และยังไม่มีนโยบายจะออกหุ้นกู้ใหม่ เนื่องจากยังมีสภาพคล่องเพียงพอ

 

Back to top button