“พาณิชย์” จัดประชุม FTA “ไทย-ยูเออี” หวังดัน GDP ขยายตัว 1.2 หมื่นล้าน

“กระทรวงพาณิชย์” เป็นเจ้าภาพจัดประชุม FTA ไทย-ยูเออี รอบ 4 วันที่ 26-28 ก.ย.66 ตั้งเป้าสรุปผลเจรจาโดยเร็ว คาดดัน GDP ขยายตัว 1.2 หมื่นล้านบาท-ส่งออก 8.5 พันล้านบาท


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเจรจาจัดทำ FTA หรือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (CEPA) กับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) รอบที่ 4 ระหว่างวันที่ 26-28 ก.ย.66 ณ กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งเป้าสรุปผลเจรจาให้สำเร็จโดยเร็ว ตามนโยบายรัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ที่ให้เร่งเจรจากรอบความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศ

โดยการเจรจารอบนี้จะประกอบด้วยการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างหัวหน้าคณะผู้แทนสองฝ่าย เพื่อกำกับดูแลติดตามภาพรวมการเจรจา และการประชุมคณะทำงานกลุ่มย่อย 5 คณะ ได้แก่ 1.การค้าสินค้า 2.มาตรการเยียวยาทางการค้า 3.กฎหมายและสถาบัน 4.กฎถิ่นกำเนิดสินค้า และ 5.การค้าบริการและการค้าดิจิทัล

ทั้งนี้ สามารถหาข้อสรุปเบื้องต้นในคณะทำงานกลุ่มย่อยอื่นๆ ได้แล้ว อาทิ พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ MSMEs ทรัพย์สินทางปัญญา การลงทุน มาตรการที่เป็นอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า และมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช

สำหรับการศึกษาเบื้องต้นประเมินว่า การจัดทำ CEPA ระหว่างไทยกับยูเออี จะช่วยให้ GDP ของไทยขยายตัว มูลค่า 318-357 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 11,136-12,499 บาท) และการส่งออกของไทยในภาพรวมขยายตัว มูลค่า 190-243 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,652-8,508 ล้านบาท)

สำหรับสินค้าที่คาดว่าไทยจะส่งออกไป ยูเออี ได้มากขึ้น อาทิ สินค้าอาหาร สิ่งทอและเครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหนังสัตว์ ไม้ ยาง พลาสติก เคมีภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์และชิ้นส่วน ส่วนสาขาบริการที่คาดว่าจะมีธุรกรรมระหว่างกันเพิ่มขึ้น อาทิ การขนส่ง การเงิน และบริการด้านธุรกิจ

อีกทั้ง ยูเออี เป็นคู่ค้าอันดับ 6 ของไทยในตลาดโลก และอันดับ 1 ในตะวันออกกลาง โดยในช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.66) การค้าสองระหว่างไทยกับยูเออี มูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปยูเออี มูลค่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากยูเออี มูลค่า 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติ สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี และเงินแท่งและทองคำ

Back to top button