CFARM ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 149 ล้านหุ้น ระดมทุนเข้า mai

CFARM ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 149 ล้านหุ้น ระดมทุนเข้า mai ขยายโอกาสต่อยอดธุรกิจให้มีความมั่นคง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยมี APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) พร้อมแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และยื่นคำขอให้รับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 เรียบร้อยแล้ว

“ปัจจุบัน ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) หรือ CFARM มีทุนจดทะเบียน 431 ล้านบาท เตรียมเพิ่มทุนอีก 149 ล้านบาท ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท รวมเป็นทุนจดทะเบียน 580 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 149.00 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 25.69% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายแล้วของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะเพิ่มศักยภาพ ขยายโอกาสต่อยอดธุรกิจให้มีความมั่นคง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้า คู่ค้า และสถาบันการเงินมากยิ่งขึ้น สร้างความยั่งยืนให้องค์กรในระยะยาว

สำหรับวัตถุประสงค์หลักในการระดมทุน เพื่อก่อสร้างฟาร์ม ปรับปรุงโรงเรือน อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ นอกจากนี้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รองรับการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนของธุรกิจ

ด้าน นายชูรัตน์ จึงธนสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ CFARM เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาชั้นนำในประเทศไทยในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา เลี้ยงไก่เนื้อในโรงเรือนด้วยระบบปิดปรับอากาศ(Evaporative Cooling System : EVAP) ทุกโรงเรือนเลี้ยงไก่เนื้อมีคุณภาพตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมาตรฐานที่กำหนดโดยคู่สัญญา

อีกทั้งบริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (เลี้ยงไก่) ด้านประกอบกิจการเลี้ยงไก่เนื้อ ที่ออกโดยองค์การบริหารส่วนตำบลท้องถิ่นที่โรงเรือนตั้งอยู่ ปัจจุบันบริษัทได้รับมาตรฐาน ISO 9001:2015 (ระบบบริหารงานคุณภาพ) , ISO 14001:2015 (ระบบมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม) , ISO 45001:2018 (มาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย)

โดยในปัจจุบันบริษัทมีฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อทั้งสิ้น 8 ฟาร์ม ประกอบด้วยโรงเรือนจำนวน 121 โรงเรือน ตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีความสามารถในการเลี้ยงไก่เนื้อประมาณ 3.18 ล้านตัวต่อรอบการเลี้ยง หรือประมาณ 15.88 ล้านตัวต่อปี

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่  ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 คือกลุ่มครอบครัวนายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ถือหุ้นสัดส่วน 97.09% หลังขายหุ้น IPO เหลือถือ 72.15%

รายได้รวม ในปี 2563 ปี 2564 และ ปี 2565 เท่ากับ 217.22 ล้านบาท 155.75 ล้านบาท และ 224.42 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2565 และ งวด 6 เดือน ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 118.58 ล้านบาท และ 124.24 ล้านบาท

ในปี 2563 และปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 12.71 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 36.82 ล้านบาทตามลำดับ ในปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 27.07 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนของปี 2565 และ 6 เดือนของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 13.69 ล้านบาท และ 5.94 ล้านบาท

บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองตามกฎหมายและเงินสำรองอื่นตามที่บริษัทกำหนด

Back to top button