STARK แจ้งผลตรวจ “สเปเชียลออดิท” บันทึก “รายรับ-จ่าย” ผิดปกติ
TARK ส่งรายงาน "สเปเชียลออดิท" ขยายเวลาตรวจสอบระยะสอง! พบบริษัท-บ.ย่อยทำธุรกรรม บันทึกรายการรับ-จ่ายเงินผิดปกติหลายรายการ ล่าสุด “เฟ้ลปส์ ดอด์จฯ” ตรวจพบรายการทางการเงินปี 64-65 ผิดปกติมากกว่า 200 รายการ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วน ”ไทย เคเบิ้ลฯ” ออกเอกสารการขายสินค้าไม่มีหลักฐานจัดส่ง-รับชำระเงินจากผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าบริษัทมูลค่ารายการมากกว่า 3 พันล้านบาท และออกใบแจ้งหนี้ชำระเงินเข้าบัญชีบุคคลธรรมดาแทนที่บัญชีบริษัทมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านบาท
บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK กล่าวว่า ตามที่บริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษตาม ขอบเขตที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์( ก.ล.ต.) ให้ขยายผลเพิ่มเติม (Extended-scope Special Audit) และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ขยายระยะเวลาการดำเนินการดังกล่าวจนถึงวันที่ 29 กันยายน 2566 นั้น
โดยล่าสุดวันนี้(29 ก.ย.) บริษัทได้รับรายงานข้อเท็จจริงที่ตรวจพบจากการดำเนินการดังกล่าวจากผู้สอบบัญชี จึงขอสรุปผลการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลเพิ่มเติม (Extended-scope Special Audit) ดังนี้
1.STARK ผู้สอบบัญชีตรวจพบธุรกรรมทางการเงิน หรือการบันทึกรายการทางการเงินที่ผิดปกติในรูปแบบ ต่าง ๆ เช่น การบันทึกรายการรับ-จ่ายเงินระหว่างบริษัทและบริษัทย่อยที่ผิดปกติ รายการจ่ายเงินที่ไม่ตรง กับใบแจ้งหนี้ รวมถึงการใช้เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ และการใช้เงินที่ได้รับจากการใช้เงินเพิ่มทุนที่ได้รับ จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งบริษัทขอสรุปธุรกรรมที่ผิดปกติที่สำคัญดังนี้
1.1.การใช้เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ บริษัทได้ออกหุ้นกู้ทั้งหมด 6 ชุด และได้รับเงินจากหุ้นกู้ดังกล่าวรวมจำนวน 10,698.40 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ชำระสินเชื่อและเงินกู้ยืมจากธนาคาร รวมถึงชำระคืนตั๋วแลก เงินและหุ้นกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับกลุ่มกิจการ บริษัทได้นำเงินส่วนใหญ่ที่ได้รับจาก การออกหุ้นกู้ดังกล่าวให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทย แลนด์) จำกัด (PDITL) และ บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (TCI) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนชำระสินเชื่อและเงินกู้ยืมจากธนาคาร
อย่างไรก็ดีผู้สอบบัญชีตรวจพบความผิดปกติหลายรายการและยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการใช้เงินที่ได้รับจาก STARK ของทั้งสองกิจการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ในการออกหุ้นกู้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานตามปกติของแต่ละบริษัทหรือไม่
1.2.การใช้เงินเพิ่มทุนที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด ( Private Placement) ผู้สอบบัญชีได้ตรวจพบว่า บริษัทซึ่งดำเนินการภายใต้การบริหารของผู้บริหารชุดเดิม ได้นำเงินจากการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อไปชำระ Letter of credit สำหรับเจ้าหนี้การค้าเพื่อซื้อวัตถุดิบจำนวน 4,071 ล้านบาท และชำระคืนหุ้นกู้ ชุดที่ 3 (STARK23206A) พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 1,509 ล้านบาท ในปี 2566 ตามที่ปรากฏในหมายเหตุประกอบงบการเงินประจำปี 2565 ของบริษัท
2.บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทย แลนด์) จำกัด (PDITL) ผู้สอบบัญชีตรวจพบธุรกรรมทางการเงิน หรือการบันทึกรายการทางการเงินที่ไม่เกิดขึ้นจริง หรือ ธุรกรรมที่ไม่ตรงกับรายการที่เกิดขึ้นจริง ธุรกรรมที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ เช่น การทำรายการขาย ที่ไม่เกิดขึ้นจริงหรือที่ไม่ปรากฏเอกสารประกอบการขาย การบันทึกรายการรับชำระหนี้จากบริษัทหรือบุคคล ที่เกี่ยวข้องกันที่ไม่ใช่ลูกหนี้ การทำรายการขายที่ไม่สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้โอนเงินหรือชำระเงิน การทำรายการขายที่ไม่มีการยืนยันการรับสินค้าจากลูกค้า เป็นต้น แม้ว่าบริษัทจะได้ขอรายการเดินบัญชีจากธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในการตรวจสอบธุรกรรม ที่ผิดปกติ แต่ข้อมูลในรายการเดินบัญชีธนาคารที่ได้รับมานั้นบางส่วนก็ไม่แสดงข้อมูลผู้โอนเงิน หรือ ผู้ชำระเงิน และมีบางส่วนที่ยังไม่ได้รับการตอบกลับจากธนาคาร ดังนี้ จึงเกิดอุปสรรคในการตรวจสอบ ธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ
นอกเหนือจากนี้ผู้สอบบัญชียังตรวจพบในรูปแบบอื่น ๆ เช่น (ก) การสั่งซื้อวัตถุดิบโดยที่ไม่ปรากฏเอกสารประกอบ หรือการโอนเงินให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกันเพื่อซื้อวัตถุดิบที่ไม่ได้มีการซื้อ-ขายเกิดขึ้นจริง หรือการบันทึกธุรกรรมเป็นการโอนเงินค่าวัตถุดิบ แต่ธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริงนั้นเป็นการโอนเงินให้แก่บริษัทอื่น หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน หรือบุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้ขายวัตถุดิบ (ข) การรับโอนเงินจากบริษัทที่ไม่เคยมี ธุรกรรมระหว่างกัน หรือการรับโอนเงินจากบริษัทหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกันแต่มีการบันทึกบัญชีไม่สอดคล้อง กับรายการที่เกิดขึ้น (ค) การทำธุรกรรมกู้ยืมที่ไม่มีการบันทึกรายการเงินให้กู้ยืม เป็นต้น ผู้สอบบัญชีตรวจพบรายการทางการเงินที่ผิดปกติในรูปแบบต่าง ๆ มากกว่า 200 รายการ โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมมากกว่า 8,000 ล้านบาท ในปี 2565 และมากกว่า 4,000 ล้านบาทในปี 2564
3.บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (TCI) มีการออกเอกสารการขายไม่มีหลักฐานการจัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าและมีรายการรับชำระเงิน จากผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท ซึ่งรายการที่ผิดปกติดังกล่าวมีมูลค่ารายการมากกว่า 3,000 ล้านบาท และมีการออกใบแจ้งหนี้โดยระบุให้ชำระเงินเข้าบัญชีของบุคคลธรรมดาแทนที่จะเป็นบัญชีของ TCI เป็นมูลค่ารวมมากกว่า 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ TCI ยังมีรายการจ่ายเงินเพื่อชำระเป็นค่าสินค้าและบันทึกเพิ่มรายการสินค้าคงเหลือ โดยที่ไม่มีหลักฐานการรับมอบสินค้าคงเหลือ ซึ่งรายการในลักษณะนี้ก่อให้เกิดความเสียหายจำนวน มากกว่า 2,000 ล้านบาท
4.บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด (ADS) ผู้สอบบัญชีได้ทำการตรวจสอบรายการทางการเงินที่สำคัญของ ADS ซึ่งรวมถึงรายการจ่าย ค่าตอบแทนพนักงาน ซึ่งแม้ว่าผู้สอบบัญชีจะมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาบริการที่ ADS เข้าทำกับลูกค้า รายละเอียดบันทึกเวลาการท างานของพนักงาน (Timesheet)และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้ได้รับข้อมูลเพื่อทำการตรวจสอบรายการประมาณ 25% และไม่สามารถสรุปผลการตรวจสอบ รายการจ่ายค่าตอบแทนพนักงานของ ADS ได้
โดยผู้สอบบัญชีได้ตรวจเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม อื่น ๆ ของ ADS ในช่วงระหว่างปี 2564 – 2565 และพบว่า ADS มีการรับรู้รายได้รายได้ค้างรับ ลูกหนี้ การค้า ที่ไม่มีหลักฐานประกอบการทำรายการ และพบว่ามีการบันทึกต้นทุนค่าแรงและต้นทุนอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนอีกด้วย ในส่วนของ ADS จึงสามารถสรุปความเสียหายในเบื้องต้นจากการรับรู้ราย ได้ค้างรับ ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงได้ว่า ADS ได้รับความเสียหายจากการรับรู้มูลค่าที่ต่ำกว่าความเป็นจริง มากกว่า 600 ล้านบาทในปี 2564 และมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาทในปี 2565และมีลูกหนี้การค้าที่สูงกว่า ความเป็นจริงมากกว่า 800 ล้านบาทในปี 2565
อนึ่งบริษัทขอเรียนว่าผลของการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษตามขอบเขตที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้ขยายผลเพิ่มเติม (Extended-scope Special Audit) ระยะที่สองนี้ ไม่มีความแตกต่าง อย่างมีนัยสำคัญจากข้อมูลที่ได้เปิดเผยไว้ในงบการเงินประจำปี 2565 ของบริษัท และภายใต้การดำเนินการ ของฝ่ายจัดการชุดปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการทำงาน และระบบตรวจสอบภายในเพื่อแก้ไข ข้อบกพร่อง ปรับปรุงให้มีระบบควบคุมกระบวนการทำงานและการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ในด้านต่าง ๆ ตลอดจนเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการบริษัทให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสามารถบริหารบริษัทให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดีต่อไป