เก็ง 5 หุ้นเข้า SET50 ครึ่งแรกปี 67 ชู JMT เด่นสุด!
เก็ง 5 หุ้น SET100 มาร์เก็ตแคปสูงจ่อยกระดับขึ้น SET50 รอบครึ่งปีแรกปี 67 นำโดย EGCO-JMT-BANPU-TU และ CENTEL ส่วน 3 หุ้น DELTA-TLI และ INTUCH แข่งเดือดหนีตกชั้น หลังเทิร์นโอเวอร์ต่ำ ล่าสุด 29 ก.ย. วอลุ่มเข้าเดลต้า 155 ล้านหุ้น ช่วยดัน Turnover Ratio เกิน 2% รอดแบบหวุดหวิด รอลุ้น 2 เดือนสุดท้าย ต.ค.-พ.ย.พลาดไม่ได้แม้แต่เดือนเดียว ก่อนตลท.ชี้ชะตาเดือน ธ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์เข้าเก็งกำไรหุ้นที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้เข้าคำนวณดัชนี SET50 รอบครึ่งแรกปี 2567 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะใช้ข้อมูลในการพิจารณาจนถึง 30 พ.ย. 2566 นี้ ได้แก่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO มาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 28 ก.ย. กว่า 67,638 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 45, บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT มาร์เก็ตแคปจำนวน 67,435 ล้านบาท, บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU มาร์เก็ตแคปจำนวน 67,359 ล้านบาท อันดับ 47, บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU มาร์เก็ตแคปกว่า 66,678 ล้านบาท อันดับ 48 และบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL มาร์เก็ตแคปจำนวน 63,973 ล้านบาท อันดับที่ 49
โดยทั้งหมดมีมาร์เก็ตแคประดับใกล้เคียงกันระดับมากว่า 60,000 ล้านบาทขึ้นไป ถือว่ามีโอกาสเข้ามาแทนหุ้นใหญ่ที่อาจหลุดจากการคำนวณ SET50 รอบนี้ ได้แก่ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA, บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH แม้ว่าแต่ละตัวจะมีมาร์เก็ตแคปสูง แต่อาจไม่ผ่านเกณฑ์อัตราการหมุนเวียนการซื้อขาย หรือ Turnover Ratio ในแต่ละเดือน ซึ่งต้องมีไม่ต่ำกว่า 2% นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2565 ถึงเดือน พ.ย. 2566 หรือในรอบ 12 เดือน โดยต้องผ่านเกณฑ์ไม่ต่ำกว่า 9 ใน 12 เดือน
สำหรับสาเหตุที่ 3 หุ้นดังกล่าวมีความเสี่ยง เนื่องจากเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา มีวอลุ่มเทรดค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะ DELTA เมื่อวันที่ 28 ก.ย. มี Turnover Ratio เพียง 1.29% หากไม่ผ่านเกณฑ์อีกในเดือน ก.ย.นี้ จะทำให้หุ้น DELTA ต้องหลุดจากการคำนวณดัชนี SET50 รอบครึ่งแรกปี 2567 ทันที เนื่องจากเวลาที่เหลือมีแค่ 2 เดือน คือเดือน ต.ค.และเดือน พ.ย. ไม่เพียงพอที่จะผ่านเกณฑ์แล้ว
ทั้งนี้ พบว่าเดือน ธ.ค. 2565 DELTA มี Turnover Ratio อยู่ที่ 7.08% เดือน ม.ค. 2566 อยู่ที่ 6.81% เดือน ก.พ. 2566 อยู่ที่ 3.98% เดือน มี.ค. 2566 อยู่ที่ 4.33% เดือน เม.ย. 2566 ไม่ผ่านเกณฑ์ (ติด Cash Balance) เดือน พ.ค. 2566 อยู่ที่ 3.59% เดือน มิ.ย. 2566 และเดือน ก.ค. 2566 ไม่ผ่านเกณฑ์ (ติด Cash Balance) และเดือน ส.ค. 2566 อยู่ที่ 2.02% รวมเป็น 6 เดือนที่ผ่านเกณฑ์
อย่างไรก็ตาม วันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา มีวอลุ่มการซื้อขายเข้ามาในหุ้น DELTA อย่างหนาแน่นกว่า 155 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขายกว่า 13,700 ล้านบาท ส่งผลให้เดลต้าผ่านเกณฑ์ Turnover ในเดือน ก.ย. อย่างหวุดหวิด โดยราคาหุ้นเดลต้าลดลง 20.43% มาปิดที่ 82.75 บาท มีผลลบต่อดัชนีประมาณ 20 จุด ส่งผลให้ SET ปรับตัวลดลงกว่า 10.71 จุด
ส่วนหุ้น INTUCH เป็นอีกตัวหนึ่งที่ต้องจับตา เนื่องจากวอลุ่มเทรดค่อนข้างน้อย มีความเสี่ยงที่จะไม่ผ่านเกณฑ์ Turnover Ratio เช่นกัน หากนับจากเดือน ธ.ค. 2565 ถึงเดือน ก.ย. 2566 หุ้นดังกล่าวผ่านเกณฑ์แค่ 7 เดือน เท่ากับ DELTA ซึ่งใน 2 เดือนที่เหลือคือเดือน ต.ค.และเดือน พ.ย. หุ้นทั้งสองตัวนี้จะต้องผ่านเกณฑ์ทั้ง 2 เดือน ถึงจะผ่านเกณฑ์
ขณะที่หุ้น TLI มีโอกาสที่ดีกว่า 2 หุ้นดังกล่าว เนื่องจากผ่านเกณฑ์ Turnover Ratio มาแล้ว 8 เดือน เหลือเพียงอีกแค่เดือนเดียวก็จะไม่หลุดจากการคำนวณในรอบถัดไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา มีการทำบิ๊กล็อต DELTA ราคาต่ำกว่ากระดานมาก โดยมีการมองว่าเป็นการทำเพื่อเพิ่มฟรีโฟลตให้หุ้นเดลต้าอยู่ในดัชนี SET50 ต่อไป โดยมีรายงานว่าบริษัทแม่ของ DELTA ได้ขายหุ้นจำนวน 89.2 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 94.75 บาทต่อหุ้น โดยเป็นการซื้อขายบิ๊กล็อต (Big Lot) ราคาเสนอขายขั้นสุดท้ายมีส่วนลดอยู่ที่ประมาณ 8.9% จากราคาปิดตลาด (28 ก.ย.) และมอบหมายให้ธนาคารเจพีมอร์แกน เป็นตัวแทนในการทำข้อตกลงขายหุ้นในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม นายจาง ช่าย ซิง กรรมการบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขายหุ้นเดลต้าในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนแก่บริษัท Delta International Holding Limited B.V. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในการดำเนินธุรกิจและขยายกิจการ โดยมีการทำบิ๊กล็อตจำนวน 89,232,800 หุ้น คิดเป็น 0.72% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท
สำหรับเกณฑ์ที่ใช้คำนวณหุ้นในดัชนี SET50 พิจารณาจาก 1)Market Cap เฉลี่ย 3 เดือน 2)มี Free Float มากกว่าหรือเท่ากับ 20% 3)Trading Value มากกว่าหรือเท่ากับ 50% ของค่าเฉลี่ยต่อหุ้นทั้งตลาดอย่างน้อย 9 ใน 12 เดือน และ 4)Turnover Ratio มากกว่าหรือเท่ากับ 2% อย่างน้อย 9 ใน 12 เดือน
เก็งหุ้นเข้าคำนวณ SET50
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด ระบุ กรณีหุ้น DELTA มีความเสี่ยงหลุด SET50 โดยเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ตลาดกังวลหุ้น DELTA อาจหลุดจากการคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งแรกปี 2567 เนื่องจาก DELTA ติด Cash Balance มาแล้ว 3 เดือน ในระหว่างเดือน ธ.ค. 2565-ส.ค. 2566 โดยการซื้อขายในวันที่ 28 ก.ย. มีความเสี่ยงต่ำเกณฑ์ แต่เนื่องจากมีรายการ Overnight Big lot ทำให้ตอนนี้ DELTA ยังอยู่ในเกณฑ์ SET50 แต่ถ้าเดือน ต.ค.-พ.ย. 2566 ติด Cash Balance หรือสภาพคล่องการซื้อขายต่ำเกณฑ์ จะทำให้หลุดได้ จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาพคล่องของตลาดหุ้นไทยหายไป ส่วนใหญ่มาจากที่หุ้นขนาดใหญ่หลายตัวมีมูลค่าซื้อขายที่เบาบางลงไป และมี Turnover ในแต่ละเดือนนั้นน้อยลง โดยเฉพาะหุ้นใน SET50 ดังนั้นหุ้นใน SET50 ตัวใดที่มี Turnover ในแต่ละเดือนน้อย จะมีความเสี่ยงที่จะถูกคัดออกในรอบถัดไป (ข้อมูลที่ใช้คำนวณเดือน ธ.ค. 2566-พ.ย. 2567) เนื่องจากหุ้นใดที่จะถูกคัดเข้าดัชนี SET50-100 ต้องผ่านเกณฑ์มี Turnover เกิน 2% อย่างน้อย 9 ใน 12 เดือน ดังนั้นหากหุ้นใดมี Turnover น้อยกว่า 2% เกิน 3 เดือน จึงมีโอกาสหลุดจากการคำนวณดัชนี SET50
โดยหุ้น DELTA มีโอกาสหลุด SET50 ประมาณ 70% โดย DELTA ติด Cash Balance ไปแล้ว 3 เดือน (ติด Cash balance เดือนไหน เดือนนั้นไม่นำมาคิดในเกณฑ์การคำนวณ) จึงทำให้หากเดือน ก.ย. DELTA มี Turnover น้อยกว่า 2% (ณ วันที่ 28 ก.ย. อยู่ที่ 1.29%) จะทำให้จำนวนเดือนที่จะถูกนำข้อมูลมาใช้เหลือเพียงแค่ 8 เดือน จาก 12 เดือนเท่านั้น
ส่วน INTUCH มีโอกาสหลุด SET50 ประมาณ 50% โดย INTUCH มีจำนวนเดือนที่มี Turnover น้อยกว่า 2% ถึง 2 เดือน จึงทำให้หากเดือน ก.ย. INTUCH มี Turnover น้อยกว่า 2% (ณ วันที่ 28 ก.ย. อยู่ที่ 1.76%) จะทำให้อีก 2 เดือนถัดไป INTUCH ห้ามมี Turnover น้อยกว่า 2%
ขณะที่ TLI (โอกาสหลุด SET50 ประมาณ 50%) โดย TLI มีจำนวนเดือนที่มี Turnover น้อยกว่า 2% ถึง 3 เดือน จึงทำให้หากเดือนใดเดือนหนึ่งตั้งแต่เดือน ก.ย. 2566-พ.ย. 2566 TLI มี Turnover น้อยกว่า 2% จะทำให้จำนวนเดือนที่จะถูกนำข้อมูลมาใช้เหลือเพียงแค่ 8 เดือนจาก 12 เดือน เท่านั้นจะหลุด SET50
ส่วนหุ้นที่มีโอกาสถูกคัดเข้า SET50 แทน คือหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง, มาร์เก็ตแคปใกล้เคียงหุ้นใน SET50 เดิม อาทิ JMT, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP และ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เป็นต้น
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า ดีลการทำ Placement หุ้น DELTA ที่ราคา 94.75 บาท เป็นจำนวน 89.2 ล้านหุ้น เพื่อเพิ่มจำนวนสัดส่วนการถือหุ้นของรายย่อ (Free float) และเพื่อเพิ่มระดับ Turnover เดือน ก.ย. ของตัวหุ้นให้ขึ้นมาเกินกว่าเกณฑ์ 2% ขั้นต่ำสำหรับการดำรงอยู่ของตัวหุ้นในดัชนี SET50 และ SET100 ถือเป็นการต่อลมหายใจไปอีกเดือนหนึ่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในเดือน ส.ค. Turnover ของหุ้น DELTA นี้สามารถขึ้นมาอยู่สูงกว่าเกณฑ์ 2% นี้ไปเพียงแค่ 0.2% และในเดือน ก.ย.นี้ ณ เมื่อวันที่ 28 ก.ย. อยู่เพียงแค่ระดับ 1.29% เท่านั้น
โดยฝ่ายวิจัยฯ มองว่าประเด็น DELTA นั้นเป็นที่น่าติดตามอย่างยิ่งว่าจำนวน Free float ในตลาดที่จะเพิ่มสูงขึ้นนี้ จะนำมาสู่ปริมาณการซื้อขายของตัวหุ้นที่สูงขึ้นด้วยในช่วงเดือน ต.ค. และเดือน พ.ย. หรือไม่ หากสูงขึ้นและทำให้ Turnover ช่วง 2 เดือนสุดท้ายอยู่สูงกว่าเดือนละ 2% ก็คาดว่าสุดท้ายแล้ว DELTA จะสามารถดำรงอยู่ต่อไปในดัชนี SET50 และ SET100 ได้ ในทางกลับกัน หากมีเดือนใดเดือนหนึ่งที่ไม่สามารถทำ Turnover ได้ถึง 2% ตัวหุ้น DELTA ก็จะหลุดออกจากดัชนีสำคัญในรอบถัดไปทันที เนื่องจากก่อนหน้านี้มีจำนวนทั้งหมด 3 เดือนแล้ว ที่ตัวหุ้นไม่ถูกนับข้อมูลการซื้อขาย นั่นก็คือเดือน เม.ย. มิ.ย. และ ก.ค. จากการติดเกณฑ์เชิงคุณภาพที่ตัวหุ้นถูกขึ้นบัญชี Trading alert list นั่นเอง
ขณะเดียวกัน ฝ่ายวิจัยคาด ไม่ว่าสุดท้าย DELTA จะหลุดหรือไม่หลุดจากดัชนี SET50/SET100 ตัวหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯ คำนวณแล้วพบว่ามีโอกาสเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET50 ในรอบถัดไปค่อนข้างแน่นอน ก็คือหุ้น JMT ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีมาร์เก็คแคปเฉลี่ยขึ้นมายืนแถวอันดับที่ 46 เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่น ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากสุดท้าย DELTA ไม่หลุด คาดว่าจะเป็นหุ้นบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ที่ถูกถอดออกจากการคำนวณดังกล่าว