JPARK เร่งขยายพื้นที่จอดรถ หวังดันเข้าเป้า 20,000 ช่องปี 67
JPARK ฉายภาพทิศทางธุรกิจหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เติบโตต่อเนื่อง รับดีมานด์ที่จอดรถสูงขึ้น พร้อมเร่งขยายธุรกิจ-โครงการใหม่เพิ่ม ดันให้ได้พื้นที่จอดรถเพิ่มเป็น 20,000 ช่อง ภายในสิ้นปี 67
นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยผ่านในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (4 ต.ค. 66) ว่า ทิศทางธุรกิจหลังเข้าจดทะเบียดในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เชื่อมั่นว่ามีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เนื่องจะนำเงินจากการระดมทุนเสนอขาย IPO ไปเพื่อวัตถุประสงค์นำเงินมาใช้หมุนเวียนธุรกิจ และเริ่มทำโปรเจคที่ได้มองและศึกษามาก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนจุดแข็งของบริษัท คือ การให้บริการระยะเวลานาน 20 ปี ครบวงจร 3 รูปแบบครอบคลุมในตลาดอุตสาหกรรมเป็นที่แรก และมีผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการวางแผนอนาคตนวัตกรรม ระบบสมาร์ทพาร์คกิ้ง สร้างทีมพัฒนาเทคโนโลยีอยู่ภายใต้บริษัทเอง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างให้มีความทันสมัย พร้อมรับเทรนด์ปัจจุบัน
สำหรับรายได้หลัก หลังการเข้าระดมทุนในตลาหลักทรัพย์ มี 3 ช่องทาง ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจให้บริการที่จอดรถ (PS) ให้เช่าพื้นที่จอดรถและจัดเก็บเป็นรายได้เป็นของบริษัท โดยรับรายได้หลัก 60% มาจากที่จอดรถบริเวณ สยามสแควร์, โรงพยาบาลจุฬา, วชิรพยาบาล, สนามบินขอนแก่น, สนามบินอุบลราชธานี, ตลาดสามย่าน และตลาด อ.ต.ก. ส่วนโปรเจคของโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าที่มี 530 ช่องจอด เป็นการเพิ่มขีดความสามารถเติบโตไปอีกหนึ่งสเต็ปในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ที่มีสัญญาระยะยาว และมั่นใจว่าผลงานจะเติบโตดีจากดีมานด์ที่จอดรถสูงขึ้น
ขณะที่ธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (PMS) มีรายได้ 20% จากการช่วยหนุนกิจการในช่วงโควิด เนื่องจากมีรายได้คงที่ ประกอบกับสถานการณ์ไฮซีซั่นหรือฤดูกาลการท่องเที่ยว ส่วนนี้จะเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรและรายได้ที่ดีที่สุด
ประกอบกับธุรกิจให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (CIPS) จะมีรายได้ 20% เนื่องจากมีส่วนช่วยให้บริษัทได้สัญญางานจากการเข้าไปบริหารจัดการ และรับออกแบบติดตั้งลักษณะ one time
“ปัจจุบันบริษัทมีช่องจอด 13,000 ช่อง และคาดว่า ณ สิ้นปี 2567 จะเพิ่มเป็น 20,000 ช่อง ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2568 คาดว่าจะมีช่องจอดเพิ่มเป็น 30,000 ช่อง ตามลำดับ และบริษัทพร้อมเร่งขยายธุรกิจ รับงานโครงการใหม่เพิ่มต่อเนื่อง และเข้าบริหารจัดการพื้นที่อื่นๆ เพิ่มจากการสำรวจ” นายสันติพล กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ของบริษัท JPARK กล่าวว่า หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯไปแล้วจะผลักดันให้ JPARK กลายเป็นหุ้น growth stock และบริษัทมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มขึ้น หลังจากอดีตที่มีข้อจำกัดในการทำธุรกรรมการเงินกับสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งจะช่วยส่งผลให้บริษัทเติบโตไปอีกขั้น ประกอบกับความโดดเด่นด้านรายได้เป็นกระแสเงินสด ตั้งแต่ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน บริษัทมีผลการดำเนินงานกระแสเงินสดเฉลี่ยต่อปีราว 1,000 ล้านบาท โดย 50-60% นำไปจ่ายค่าเช่าที่ตามสัญญา อีก 20-30% ใช้พัฒนาธุรกิจ และ 20% นำไปหมุนเวียนการดำเนินงาน และจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ